BGRIM คว้างานวางระบบพลังงาน เมือง “อารยะ”ลงทุนเฟสแรก 3-5 พันล.

HoonSmart.com>>บริษัทลูก บี.กริม เพาเวอร์ กับ ยูนิเวนเจอร์ คว้างานโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานในเมืองอุตสาหกรรมใหม่อารยะฯ มูลค่าลงทุน 3-5 พันล้านบาท เฟสแรกเริ่มปี’ 68 วางระบบสายส่งไมโครกริด ต่อด้วยพัฒนาพลังงานทดแทน

นายนพเดช กรรณสูต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธุรกิจในประเทศไทยและโซลูชั่นธุรกิจอุตสาหกรรม บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) กล่าวว่า บริษัทลูกของบริษัท คือ บริษัท ยูนิเวนเจอร์ บีจีพี (UVBGP)ซึ่งบริษัทร่วมทุนระหว่าง บี.กริม กับบริษัท ยูนิเวนเจอร์ (UV) เป็นผู้รับงานวางโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานในโครงการเมืองอุตสาหกรรมและนวัตกรรมใหม่ อารยะ ดิ อีสเทิร์น เกตเวย์ บนพื้นที่กว่า 4,000 ไร่ ทั้งระบบขนส่ง ระบบจำหน่าย และระบบผลิต ที่จะมีการนำไฟฟ้าที่เป็นพลังงานทดแทนเข้ามาให้กับลูกค้าในนิคมฯ เฟสแรกจะเริ่มในปี 2568 นี้ใช้เงินลงทุนประมาณ 3,000-5,000 ล้านบาท เพื่อวางระบบสายส่งไฟฟ้าขนาดเล็ก (Microgrid) และระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจริยะ (Smart Grid)

เฟสต่อไป จะมีการพัฒนาพลังงานทดแทน จากแสงอาทิตย์ ทั้งโซลาร์ลอยน้ำ โซล่าร์ฟาร์ม โซลาร์บนหลังคา ที่สามารถพัฒนาในพื้นที่ดังกล่าว และสร้างโครงข่ายให้สามารถซื้อขายไฟฟ้าในอนาคตได้โดยร่วมกับการไฟฟ้านครหลวง เพื่อตอบโจทย์เมืองอุตสาหกรรมใหม่

“จากการที่ไทยตั้งเป้าที่จะพัฒนาและส่งเสริมอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ที่มีการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง การสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ในการผลิตสินค้าและบริการ ทั้งธุรกิจผู้ให้บริการคลาวด์ ดาต้าเซ็นเตอร์ เอไอ จำเป็นต้องทำโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานไฟฟ้ารูปแบบใหม่ ที่มีคุณภาพ มีเสถียรภาพสูง และพลังงานน้ำ ในส่วนของคูลลิ่ง เพื่อสนับสนุนให้ธุรกิจใหม่เกิดการเชื่อมโยงระว่างภาครัฐและเอกชน”นายนพเดช กล่าว

นายนพเดช มองว่า โอกาสในธุรกิจด้านพลังงานในไทยมีสูงซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมในการวางระบบโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับธุรกิจ New Economy หรือ เศรษฐกิจยุคใหม่ เมืองอัจฉริยะ หรือ Smart City นิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะ หรือ Smart Industrial Park ซึ่งรัฐบาลกำลังส่งเสริมให้เกิดการซื้อขายไฟฟ้าและในอนาคตจะมีการเปิดเสรีซื้อขายไฟฟ้า ที่เรียกว่า Third Party Access เพื่อทำให้ จะทำให้การซื้อขายไฟมีความสมบูรณ์แบบ ช่วยลดต้นทุนด้านพลังงานในประเทศให้ลดลง สามารถแข่งขันกับนานาประเทศไทย ดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศได้ต่อเนื่อง ซึ่งทางบริษัทฯจะร่วมมือกับพันธมิตรต่างๆ ในการพัฒนารูปแบบไฟฟ้าและน้ำควบคู่กันไปในพื้นที่ที่มีศักยภาพ

ปัจจุบัน บริษัทฯ มีโรงไฟฟ้าเพื่ออุตสาหกรรมทั้งหมด 22 แห่ง ที่เป็นทั้งผู้ผลิตพลังงานไฟฟ้า ทั้งจากไอน้ำ ฟอสซิล พลังงานทดแทนที่มาจากแสงอาทิตย์เป็นหลัก และผู้ให้บริการระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ ในนิคมอุตสาหกรรม 11 แห่ง และในเมืองอุตสาหกรรมยุคใหม่ 2-3 แห่ง ทั้งที่เป็นเมืองอัจฉริยะ และนิคิมอุตสาหกรรมอัจฉริยะ อยู่ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ที่ร่วมกับนิคมอุตสาหกรรมอมตะ แหลมฉบัง มาบตาพุด ส่วนในโซนภาคกลาง อยู่ที่ สมุทรปราการ ลาดกระบัง บางปู และยังมีบางกระดี่ และอ่างทอง

“คาดการณ์ว่า เราจะเห็นโอกาสในการพัฒนาเชื่อมโยงไฟฟ้าที่มาจากกริดของเอกชน และกริดของรัฐให้เกิดความเชื่อมโยงกันและสามารถซื้อขายกันต่อไปได้ในอนาคต ปัจจุบันอยู่ในช่วงของการเตรียมความพร้อมและวางแผนโครงสร้างพื้นฐานเรื่องไฟ น้ำ การสื่อสารที่จะต้องลงทุนระบบสัญญาณไฟเบอร์ออฟติก ให้เกิดความเสถียรของพลังงาน และการส่งข้อมูลรวดเร็ว รองรับเศรษฐกิจยุคใหม่ และเมืองอัจฉริยะ”นายนพเดช กล่าว