อสังหาริมทรัพย์ฝีมือต่างกันมาก ไตรมาส 3 PSH-ANAN กำไรสวยงาม พฤกษาเร่งเครื่องโค้งสุดท้าย จัดโปรโมชั่น ตุน Backlog 3.5 หมื่นล้าน แสนสิริยอดขายทะลุ 43,600 ล้านบาท เปิดโครงการใหม่ลั่นไตรมาส 4 พีคสุด อนันดาฯก้าวกระโดดตามนัด เก็บเกี่ยวเงินลงทุนเป็นกำไร สิงห์ เอสเตทฯ พลิกมีกำไร 317 ล้านบาทจากซื้อโรงแรม เอพีโกยเฉียด 1,000 ล้านบาทพุ่ง 44% ส่วน ศุภาลัย-โนเบิล -มั่นคงฯกอดคอแย่ลง
นางสุพัตรา เป้าเปี่ยมทรัพย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง (PSH) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่าจะมีรายได้เติบโตได้ตามเป้าหมาย 6-7% ในปีนี้ รวมถึงกำไร หลังจากผลงานรวม 9 เดือนออกมาเป็นที่น่าพอใจ โดยมีกำไรสุทธิ 4,017 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.1% จากยอดขาย 39,196 ล้านบาท และรายได้รวม 30,480 ล้านบาท ส่วนไตรมาส 3 มีกำไรสุทธิ 1,591 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาส 3 บริษัทฯ สร้างยอดรอรับรู้รายได้ (Backlog) รวม 35,749 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 11.3% ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้จำนวน 11,784 ล้านบาท
“กำไรที่ดีขึ้นมากเกิดจากการทำการตลาดรูปแบบใหม่ เน้นการใช้สื่อดิจิตอลเพื่อเข้าตรงถึงกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพได้อย่างรวดเร็ว สามารถปิดการขายได้ภายในไม่กี่วัน และเปิดโครงการอย่างมีคุณภาพ มีที่ดินพร้อมก่อน รวมถึงยังบริหารต้นทุนได้มีประสิทธิภาพด้วย ส่วนแนวโน้มในปีหน้า มีปัจจัยภายนอกเข้ามากระทบ เช่น กฎเกณฑ์ของธปท. บริษัทมีการระดมสมองในการปรับแผนรับมือ เช่น เพิ่มโครงการสูงมากขึ้น เพื่อให้ลูกค้ามีระยะเวลาผ่อนดาวน์ถึง 2 ปี ปัจจุบันลูกค้าของเรา ซื้อเพื่ออยู่จริง มีการโอนจริง ” นางสุพัตรากล่าว
ส่วนแนวโน้มไตรมาส 4 บริษัทฯ มีแผนเปิดโครงการใหม่อีก 15 โครงการ มูลค่า 11,400 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 12 โครงการ และ แนวสูง 3 โครงการ พร้อมจัดแคมเปญ”ลดใหญ่ แถมใหญ่ แจกใหญ่” เพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสครบรอบ 25 ปีของบริษัทฯ และเพื่อเร่งยอดขาย คัดเลือกโครงการพร้อมอยู่ทั้งทาวน์โฮม บ้านเดี่ยว และคอนโดมิเนียม 161
โครงการทั่วประเทศเข้าร่วมแคมเปญ เพียงทำสัญญาและโอนกรรมสิทธิ์ภายในวันที่ 28 ธ.ค. 2561 ลูกค้าจะได้รับส่วนลด ของแถม และสิทธิ์ลุ้นรับรางวัลใหญ่ พลัมคอนโด พหลโยธิน 89 สร้อยคอทองคำหนัก 5 บาท และ Samsung Galaxy Note9 รวมมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท เพื่อทำให้พฤกษาบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้
นายธีรเดช เกิดสำอางค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษาเรียลเอสเตท-ทาวน์เฮ้าส์ กล่าวว่า บริษัทฯจะขยายตลาดออกไปต่างจังหวัดมากขึ้น เพื่อให้ครบ 20 จังหวัดภายใน 2-3 ปีนี้ ปัจจุบันเปิดโครงการที่จ.ชลบุรี เชียงใหม่ ภูเก็ต โดยจะเปิดที่จ.ระยอง 2 โครงการ จ.ฉะเชิงเทรา จ.ขอนแก่น จ.นครราชสีมา จ.สระบุรี และจ.นครปฐม
บริษัท แสนสิริ (SIRI)เปิดเผยว่า ไตรมาส 3/2561 มีกำไรสุทธิ 363 ล้านบาท ลดลงถึง 50% จากที่มีกำไรสุทธิ 729 ล้านบาท รวม 9 เดือนปีนี้กำไรสุทธิ 1,002 ล้านบาท ลดลง 1,043 ล้านบาทหรือ ประมาณ 51% จากกำไรสุทธิ 2,045 ล้านบาทในช่วงเดียวกันปีก่อน
ในไตรมาส 3/2561 บริษัทฯมีรายได้รวม 6,882 ล้านบาท ลดลง 6% จากการขายโครงการลดลง 9% โดยเฉพาะโครงการบ้านเดี่ยวลดลง 50% จํานวน 2,706 ล้านบาท รายได้จากการขายโครงการคอนโดมิเนียมลดลง 39.7% จํานวน 2,146 ล้านบาท รายได้จากการขายโครงการทาวน์เฮาส์ลดลง 10% จํานวน 539 ล้านบาท และรายได้จากการขายโครงการมิกซ์ 0.4% จํานวน 22 ล้านบาท สําหรับงวด 9 เดือนปีนี้ รายได้รวมลดลง 23% เหลือจำนวน 17,744 ล้านบาท
นายวันจักร์ บุรณศิริ ประธานผู้บริหารสายงานการเงินและสนับสนุนธุรกิจ บริษัท แสนสิริ (SIRI) กล่าวว่า ปี 2561 นับเป็นปีที่ลูกค้าให้การตอบรับดีและบริษัทสร้างประวัติศาสตร์ยอดขายรวมพุ่งทะลุ 43,600 ล้านบาท หรือเกือบ 90% จากเป้ายอดขายใหม่ 50,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 94% จากปีก่อน ยอดขายจากตลาดต่างชาติที่พุ่งสูงถึง 12,600 ล้านบาท คิดเป็น 97% จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ 13,000 ล้านบาท
ส่วนแนวโน้มผลงานไตรมาส 4 คาดพีคสุด ในช่วงไฮซีซั่นและลูกค้าเร่งโอนก่อนการบังคับใช้มาตรการวางเงินดาวน์ใหม่ เปิดอีก 2 โครงการใหม่ใน เชียงใหม่ – หัวหิน มูลค่ารวมเกือบ 3,000 ล้านบาท เพื่อก้าวสู่เป้าหมายยอดขายที่วางไว้และเป็นปีที่ดีที่สุดของแสนสิริ
LH กำไรลดเหลือ 2,313 ล้านบาท
บริษัทแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) เปิดเผยว่า ในไตรมาสที่ 3/2561 บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 2,313 ล้านบาท ลดลงจากที่มีกำไรสุทธิ 3,125 ล้านบาท โดยมีรายได้จาการขายจำนวน 7,095 ล้านบาท ลดลง 2,095 ล้านบาทหรือ 22.80%ขณะที่มีอัตรากำไรขั้นต้นจากการขาย 35.27% ลดลง 0.20%
ส่วนผลงานรวม 9 เดือนปีนี้กำไรสุทธิ 8,204 ล้านบาท ลดลง 3.57% จากจำนวน 8,507 ล้านบาท โดยมีรายได้จาการขายจำนวน 22,749 ล้านบาท ลดลง 2,011 ล้านบาทหรือ 8.12% ขณะที่มีอัตรากำไรขั้นต้นจากการขาย 36.49% เพิ่มขึ้น 0.84%
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีการขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนในสหรัฐอเมริกา 4,544.13 ล้านบาท มีกำไรจากการขายก่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล 1,332.50 ล้านบาท ขณะที่งวดเดียวกันของปีก่อน บริษัทฯ รับรู้กำไรจากการขายโรงแรม แกรนด์เซ็นเตอร์พ้อยท์ ราชดำริของบริษัทย่อย ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้นอยู่ 60% โดยมีกำไรก่อนก่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล 2,080.10 ล้านบาท คิดเป็นส่วนของบริษัทฯ จำนวน 1,248.06 ล้านบาท
ANAN โตก้าวกระโดด โกยเฉียด 1 พันล้าน
บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ (ANAN) เปิดเผยว่า ไตรมาส 3 ปีนี้ มีกำไรสุทธิ 979 ล้านบาท พุ่งขึ้น 599% จากจำนวน 140 ล้านบาท ทำให้กำไร 9 เดือนมากถึง 1,708 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,148 ล้านบาท พุ่งขึ้น 205% จากที่มีกำไรสุทธิเพียง 560 ล้านบาทในช่วงเดียวกันที่ผ่านมา
” กำไรที่เพิ่มขึ้นมากในไตรมาส 3/2561 เกิดจากส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนจากกิจการร่วมค้า จำนวน 982 ล้านบาท พลิกจากช่วงเดียวกันปีก่อน ขาดทุนจากส่วนนี้113 ล้านบาท ทางด้านผลการดำเนินงาน มีรายได้รวม 2,697 ล้านบาท ลดลงประมาณ 2% ส่วนต้นทุนรวมเพิ่มขึ้นจาก 1,706 ล้านบาทเป็น 1,804 ล้านบาท ทำให้กำไรขั้นต้นลดลง 15.2% จาก 1,052 ล้านบาท เหลือจำนวน 892 ล้านบาท”บริษัท อนันดาระบุ
บริษัท สิงห์ เอสเตท (S)มีกำไรสุทธิ 317 ล้านบาทในไตรมาสที่ 3/2561 พลิกจากที่ขาดทุนสุทธิ 54 ล้านบาท รวม 9 เดือนกำไรทั้งสิ้น 981 ล้านบาท ดีขึ้นมากจากที่ขาดทุนสุทธิ 82 ล้านบาทในช่วงเดียวกันปีก่อน
บริษัทฯมีรายได้รวม 1,815 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 70% จากไตรมาส 3/2560 และเพิ่มขึ้น 90% เมื่อเทียบไตรมาสก่อน มาจากโรงแรมในเครือของ Outriggers จำนวน 6 แห่งที่เข้าซื้อเมื่อเดือนมิ.ย. 2561
บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) หรือ AP มีกำไรสุทธิ 916 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 280 ล้านบาทหรือขยายตัว ถึง 44% รวม 9 เดือนปีนี้กำไรสุทธิ 2,908 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,110 ล้านบาท ขยายตัวประมาณ 61% จากระยะเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิ 1,798 ล้านบาท
บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (ORI) แจ้งว่า ไตรมาส 3/2561 บริษัทมีกำไรสุทธิ 891 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 335 ล้านบาท พุ่งขึ้น 60% จากที่มีกำไรสุทธิ 556 ล้านบาท และรวม 9 เดือนกำไรทั้งสิ้น 2,399 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,433 ล้านบาท หรือ 148% จากที่มีกำไรสุทธิเพียง 966 ล้านบาท
บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น (SC)มีกำไรสุทธิ 391 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28 ล้านบาทหรือ ประมาณ 7% และรวม 9 เดือนกำไรทั้งสิ้น 1,096 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 393 ล้านบาทหรือพุ่งขึ้น ประมาณ 55%
SPALI-NOBLE-MK แย่ลง
บริษัท ศุภาลัย (SPALI)มีกำไรสุทธิ 1,239 ล้านบาท ลดลงจำนวน 855 ล้านบาท ประมาณ 40% จากไตรมาสที่ 3/2560 ทำได้จำนวน 2,094 ล้านบาท เนื่องจากรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ลดลง 22 % เหลือจำนวน 5,849 ล้านบาท ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารกลับเพิ่มขึ้น 7% เป็น 867 ล้านบาท รวม 9 เดือนกำไรทั้งสิ้น 3,331 ล้านบาท ลดลงประมาณ 19% จากที่มีกำไรสุทธิ 4,109 ล้านบาท ในระยะเดียวกันปีก่อน
บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ (NOBLE)แย่ลง 357 ล้านบาท หรือ รูดลง 66% ไตรมาส 3/2561 กำไรสุทธิเพียง 181 ล้านบาท และรวม 9 เดือนปีนี้ กำไรสุทธิเพียง 268 ล้านบาท รูดลง 1,557 ล้านบาท ประมาณ 85% จากที่มีกำไรสุทธิ 1,825 ล้านบาทในช่วงเดียวกันปีก่อน
ไตรมาส 3/2561 บริษัทมีรายได้จากการขาย จํานวน 1,601.67 ล้านบาท ลดลง 1,014.35 ล้านบาท เพราะในปี 2560 บริษัทฯ รับรู้รายได้จากโครงการโนเบิล เพลินจิต โครงการโนเบิล รีวอลฟ์รัชดาและ โครงการโนเบิล รีโว สีลม เป็นจํานวนมาก และบริษัทยังมีอัตรากำไรสุทธิ ลดลงจาก 20.4% เหลือ 11.2 % ในไตรมาส 3 ปีนี้
บริษัท มั่นคงเคหะการ (MK)มีกำไรแค่ 1.38 ล้านบาทลดลงมากจากที่เคยทำได้จำนวน 34 ล้านยาท ในไตรมาส 3 ปีก่อน แต่รวม 9 เดือนดีขึ้นเป็น 172 ล้านบาท เทียบกับจำนวน 85 ล้านบาท
AQ-RML ขาดทุน
ขณะที่บริษัท เอคิว เอสเตท (AQ)ไตรมาส 3/2561 ขาดทุนสุทธิ 21 ล้านบาท ดีขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนขาดทุนถึง 62 ล้านบาท รวม 9 เดือนมีกำไร 20 ล้านบาทขณะที่ระยะเดียวกันปีก่อนขาดทุนมากกว่า 179 ล้านบาท
บริษัท ไรมอน แลนด์ (RML)ขาดทุน 63 ล้านบาท พลิกจากไตรมาส 3 ปีก่อน กำไรสุทธิ 25 ล้านบาท ทำให้ 9 เดือนปีนี้ ขาดทุนสุทธิ 98 ล้านบาท เทียบกับกำไรสุทธิ 217 ล้านบาทในช่วงเดียวกันปีก่อน