TU เพิ่มเป้ามาร์จิ้นปีนี้ 18.5-19% หั่นการเติบโตยอดขายสอดรับบาทแข็ง Q3

HoonSmart.com>>”ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป”(TU) ปรับเพิ่มเป้าอัตรากำไรขั้นต้น (Gross profit margin) ขึ้นเป็น 18.5-19% จากเป้าเดิม 18-18.5% หั่นเป้ายอดขายปีนี้ลงเหลือเติบโต 3-4% YoY จากเป้าเดิมโต 4-5% YoY เหตุจากบาทแข็งในไตรมาส 3/67 ส่วนค่าใช้จ่ายปรับเพิ่มเป้าไปที่ 12.5-13% จากเป้าเดิม 12-12.5% หลัง 9 เดือนที่ผ่านมามีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าเป้า ด้านงบลงทุนปีนี้ปรับลดเป้าเหลือ 3.5-4 พันล้านบาท จากเป้าเดิม 4-4.5 พันล้านบาท จากไม่มีการสร้างโรงงานใหม่

น.ส.ภิญญดา แสงศักดาหาญ หัวหน้าฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) เปิดเผยว่า บริษัทได้มีการทบทวนเป้าหมายปี 2567 โดยได้ปรับลดเป้าหมายารเติบโตของยอดขายปีนี้ (2567) เติบโต 3-4% YoY จากเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้จะเติบโต 4-5% YoY เนื่องจากเงินบาทแข็งค่าในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา โดยการปรับนี้เป็นแค่เรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา (FX) ขณะเดียวกันได้ปรับเพิ่มเป้าหมายอัตรากำไรขั้นต้น (Gross profit margin) ขึ้นเป็น 18.5-19% จากเป้าเดิม 18-18.5% ส่วนค่าใช้จ่าย (SG&A to sales) ปรับเพิ่มเป้าหมายไปที่ 12.5-13% จากเป้าเดิม 12-12.5% เนื่องจาก 9 เดือนที่ผ่านมาบริษัทมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าเป้าหมาย ด้าน Effective interest rate คงเป้าเดิมสูงขึ้น 0-0.5% และงบลงทุนปีนี้ปรับเป้าลงเหลือประมาณ 3.5-4.0 พันล้านบาท จากเป้าเดิมตั้งงบลงทุนไว้ 4-4.5 พันล้านบาท เนื่องจากไม่มีการสร้างโรงงานใหม่

สำหรับเป้าหมายปี 2573 ถือเป็นเป้าหมายที่ใหญ่สุดเท่าที่เคยทำมา รายได้ที่ตั้งเป้าหมายไว้จะอยู่ที่ 7 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2.45 แสนล้านบาท) จากปัจจุบันมีรายได้อยู่ที่ 3.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดย EBITDA เป้าเพิ่มขึ้น 2 เท่า ในอีก 6 ปีข้างหน้าจะทำ EBITDA ให้เพิ่มขึ้นเป็น 700-800 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2.45-2.80 หมื่นล้านบาท) ซึ่งต้องการจะเป็นผู้นำระดับโลกในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร และผลิตภัณฑ์อาหารทะเล มุ่งเน้นผลิตภัณฑ์อาหรทะเลเป็นหลัก

ทั้งนี้ มี 3 แกนในปี 2573 คือ 1.เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจหลัก ซึ่งธุรกิจหลักของบริษัทคือกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารทะเลแปรรูป (Ambient) มีอาหารแช่เย็น อาหารสัตว์ ทำให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้น มองหาทางขยายตลาดออกไป 2.การสร้างคลื่นลูกใหม่ของการเติบโต มองอาหารสัตว์เลี้ยงภายใต้การบริหารงานจากบริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น (ITC), อาหารแช่แข็ง อาหารพร้อมทาน รวมไปถึงพวกส่วนผสม (Ingredient) ตรงนี้ทางบริษัทได้ทำมา 5-6 ปีที่ผ่านมา และ 3. การเปิด Innovation จะมีการมองหาเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาช่วยเสริมสร้างผลิตภัณฑ์เดิม หรือผลิตภัณฑ์ที่จะทำให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ซึ่งการมาของ Innovation ทำให้เกิดต้นทุนที่เพิ่มขึ้นในไตรมาส 3 รวมไปถึง 9 เดือนที่ผ่านมาของบริษัท

โดยโครงการแรกเป็นเป็น SONAR ที่ทำบนเลเวลของ TU ต้องการวางรากฐานการเติบโตในระยะยาว โดยสร้างขีดความสามารถในการจัดซื้อ ประสิทธิภาพให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยจะทำการรีวิวโรงงานต่าง ๆ ดูว่าอะไรที่ทำแบบซับซ้อน จะทำให้มันง่ายมากยิ่งขึ้น โครงการนี้ตั้งเป้าในปี 2569 เป็นต้นไป จะลดต้นทุนได้เฉลี่ย 75 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี ขณะเดียวกันอีก 40% หรือ 30 ล้านบาทที่เป็นต้นทุนที่ลดได้นี้ จะนำมาใช้ลงทุนเพื่อเสริมความแข็งแกร่ง 2.โครงการ TAILWIND จะมุ่งเน้นในการเติบโตของธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงเป็นหลัก หรือธุรกิจที่บริหารโดยบริษัท TAILWIND รวมไปถึงมองหาการเติบโตใหม่ จะคาดว่าจะเพิ่ม Operating ได้ราว 50 ล้านเหรียญต่อปี โดยเริ่มตั้งแต่ 2571 เป็นต้นไป

“สำหรับนโยบายของ”ทรัมป์”ในเรื่องจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้า ตรงนี้มองว่าน่าจะเป็นการขึ้นภาษีนำเข้าสำหรับจากจีนเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งอาจเป็นผลดีต่อประเทศอื่นก็ได้”

 
 
———————————————————————————————————————————————————–