CGH ฉวยจังหวะบาทแข็ง เดินหน้าธุรกิจพลังงาน-ดิจิทัลในตปท.

HoonSmart.com>>”คันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์”(CGH) ฉวยจังหวะเงินบาทแข็งค่า เดินหน้าสร้างการเติบโตในธุรกิจพลังงานหมุนเวียน-ดิจิทัลในต่างประเทศ อย่างต่อเนื่อง เล็งเงินเฟ้อสูงในระยะยาวให้ความสำคัญกับการลงทุนในสินทรัพย์ที่รักษามูลค่าได้(Real Asset) ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของบริษัท

นายทอมมี่ เตชะอุบล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.คันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (CGH) เปิดเผยว่า “ในปี 2568 ที่จะถึงนี้ บริษัทฯ เห็นถึงโอกาสที่จะเดินหน้าลงทุนเชิงกลยุทธ์ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยอาศัยปัจจัยบวกจากค่าเงินบาทที่แข็งตัว และเล็งเห็นถึงโอกาสในการเติบโตจากธุรกิจพลังงานหมุนเวียน และโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลในต่างประเทศ นอกจากนี้ เพื่อรองรับภาวะเงินเฟ้อที่คาดว่าจะสูงขึ้นในระยะยาว บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการลงทุนในสินทรัพย์ที่รักษามูลค่าได้ หรือ Real Asset อีกด้วย ซึ่งการลงทุนเหล่านี้ เราคาดว่าจะสามารถช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของบริษัทฯ และสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้แก่นักลงทุน”

สำหรับการดำเนินการขายหุ้นในบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี (MFC) ที่ผ่านมา ถือเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถของ CGH ในการสร้างมูลค่าเพิ่มจากการลงทุนได้อย่างชัดเจน

ปัจจุบัน พอร์ตการลงทุนของ CGH ประกอบไปด้วย บริษัทหลักทรัพย์ พาย บริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำในประเทศไทย ที่ให้บริการทางการเงินแบบครบวงจร พร้อมความสามารถทางนวัตกรรมดิจิทัล

บริษัท พาย เวนเจอร์ส ทำหน้าที่เป็นกองทุนร่วมลงทุน (Venture Capital) ซึ่งได้จัดสรรเงินลงทุนกว่า 500 ล้านบาท ให้แก่ 8 บริษัท เพื่อผลักดันให้เกิดนวัตกรรม และธุรกิจใหม่ ๆ โดยคาดว่าจะมีศักยภาพเพียงพอในการสร้างผลตอบแทน และเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต

บริษัท เบาด์ แอนด์ บียอนด์ ผู้นำด้านการลงทุนในธุรกิจโรงแรมระดับ Ultra Luxury โดยมีโรงแรมชื่อดังอย่าง คาเพลลา กรุงเทพฯ และ โฟร์ซีซันส์ กรุงเทพฯ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา อยู่ภายใต้การบริหาร สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการส่งมอบประสบการณ์ที่หรูหรา และเป็นเอกลักษณ์ พร้อมทั้งการนำเสนอนวัตกรรมใหม่ ๆ ในวงการโรงแรม

อย่างไรก็ดี พอร์ตโฟลิโอของบริษัทในเครือ CGH ยังได้ผ่านการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การนำเสนอนวัตกรรม และโซลูชันใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป อาทิ การเปิดตัวแพลตฟอร์มการลงทุนแบบครบวงจร แอปพลิเคชัน Pi Financial ของบริษัทหลักทรัพย์ พาย ไปจนถึงการสร้างหน่วยงานใหม่ของบล.พาย อย่าง Pi Private Wealth ถือเป็นการวางรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการขยายธุรกิจ Digital Wealth Management ในอนาคต

นอกจากนี้ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการให้บริการด้านการลงทุน CGH ได้เข้าซื้อกิจการในบริษัท ท๊อป เทรดเดอร์ ซึ่งเป็นผู้นำการให้บริการโซลูชันการซื้อขายสินทรัพย์แบบอัตโนมัติบนแพลตฟอร์ม MT4 และ MT5 โดยบริษัทฯ มุ่งหน้าในการผสานรวมเทคโนโลยีนี้เข้ากับแอปพลิเคชัน Pi Financial เพื่อช่วยยกระดับประสบการณ์การลงทุนของลูกค้า และเปิดโอกาสให้เข้าถึงเครื่องมือการลงทุนที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น

นายทอมมี่ กล่าวเสริมว่า “แม้ว่าสถานการณ์ทางการเมืองโลกจะสร้างความไม่แน่นอน แต่ CGH มั่นใจในศักยภาพของบริษัทในการปรับตัว และเติบโต และด้วยความแข็งแกร่งของงบดุล และความเชี่ยวชาญในธุรกิจของเรา เราพร้อมที่จะขยายการลงทุนไปยังตลาดใหม่ ๆ โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง”

ด้วยประสบการณ์อันยาวนานในการฟื้นฟู และพัฒนากิจการ CGH ยังคงเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืน และด้วยนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความท้าทายในยุคปัจจุบัน CGH มุ่งมั่นสร้างอนาคตที่แข็งแกร่ง และยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรม