KAsset มองเฟดหั่นดอกเบี้ยเงินเข้าตลาดเกิดใหม่ ชูหุ้นโลก-สหรัฐ-อินเดีย-เวียดนามเสริมพอร์ต

HoonSmart.com>> บลจ.กสิกรไทย (KAsset) มองเฟดเปิดเกมรุก ลดดอกเบี้ยครั้งแรกรอบ 4 ปี อัตรา 0.50% ผลบวกต่อตลาดหุ้น-ตราสารหนี้ในระยะข้างหน้า คงน้ำหนักการลงทุน Overweight “หุ้นสหรัฐฯ” พร้อมคาดหุ้นตลาดเกิดใหม่ได้ประโยชน์ดอกเบี้ยลง ฟันด์โฟลว์ไหลเข้ามากขึ้น ชูอินเดีย-เวียดนามเด่น ส่วน “ตราสารหนี้” ยังมองบวกในระยะกลาง-ยาว แนะจัดพอร์ต กระจายความเสี่ยง รับมือความผันผวน

บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย (KAsset) เผยมุมมองการลงทุนหลังผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติเมื่อคืนนี้ ด้วยเสียง 11 ต่อ 1 ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.50% สู่ระดับ 4.75-5.00% ตามที่ตลาดส่วนใหญ่คาด และ Dot Plot สะท้อนว่ามีแนวโน้มปรับลดอีก 0.50% ภายในสิ้นปีนี้ ถือเป็นการเปิดเกมรุก ลดดอกเบี้ยครั้งแรกรอบ 4 ปี

KAsset มองว่าวัฎจักรดอกเบี้ยขาลงของ Fed กำลังเริ่มต้นขึ้น และข้อมูลล่าสุดบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มชะลอตัวในลักษณะ Soft Landing มากกว่าที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรง (Recession) ซึ่งภาพเหล่านี้จะเป็นบวกต่อทั้งตลาดหุ้นและตราสารหนี้ในระยะข้างหน้า

“เห็นได้จากตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อคืนนี้ที่แม้จะปรับตัวลดลง (S&P 500 -0.29% และ Nasdaq -0.31% ณ 18 ก.ย.) แต่หุ้นในกลุ่ม Cyclicals (ปรับตัวตามวัฎจักรเศรษฐกิจ) ยัง Outperform หุ้นในกลุ่ม Defensive สะท้อนว่านักลงทุนมีมุมมองเชิงบวกต่อการปรับลดดอกเบี้ยของ Fed ว่าจะช่วยหนุนเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้ ซึ่งจากสถิติในอดีต การลดดอกเบี้ยของ Fed จะทำให้หุ้นให้ผลตอบแทนเป็นบวกได้ในช่วง 12 เดือนหลังจากการลดดอกเบี้ยครั้งแรกหากไม่เกิด Recession”

นอกจากหุ้นสหรัฐฯ ที่ KAsset ให้น้ำหนักการลงทุนเป็น Overweight แล้ว คาดว่าหุ้นประเทศตลาดเกิดใหม่จะได้ประโยชน์จากการลดดอกเบี้ยของ Fed เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะอินเดีย และเวียดนาม จากแรงกดดันต่อค่าเงินที่ลดลง และจะทำให้มีเม็ดเงินลงทุนไหลเข้าตลาดเกิดใหม่มากขึ้น สำหรับตราสารหนี้ เรายังมีมุมมองเชิงบวกในระยะกลาง-ยาว เนื่องจากเป็นอีกสินทรัพย์ที่จะได้ประโยชน์เมื่อเข้าสู่วัฎจักรดอกเบี้ยขาลง

KAsset แนะนำลงทุนในสินทรัพย์คุณภาพดีทั้งหุ้นและตราสารหนี้ โดยเน้นกองทุนหุ้นในตลาดที่มีการเติบโตของกำไรโดดเด่น มีพื้นฐานเศรษฐกิจ และบริษัทจดทะเบียนแข็งแกร่ง ได้แก่

K-GSELECT : กองทุนหุ้นโลกตัวท็อป ลงทุนได้ทุกช่วงเวลา
K-USA : ลงทุนหุ้นสหรัฐฯ 30-40 ตัว ที่เติบโตสูงกว่าค่าเฉลี่ย

K-INDIA : โอกาสเติบโตไปกับตลาดหุ้นอินเดียที่ปรับตัวได้อย่างโดดเด่นในปีนี้
K-VIETNAM : ลงทุนตรงในหุ้นเวียดนาม ดาวเด่นอาเซียน

รวมทั้ง ให้ความสำคัญกับการกระจายความเสี่ยง เพื่อรับมือกับความผันผวน ได้แก่ กลุ่มกองทุน K-WealthPLUS Series สำหรับเป็น Core Portfolio โดยให้น้ำหนัก 80% ของพอร์ตเพื่อสร้างผลตอบแทนระยะยาว

K-WPBALANCED : ลงทุนผสมแบบบาลานซ์ เน้นลงทุนในตราสารหนี้ 55-85% หุ้น 15-45% เหมาะกับนักลงทุนมือใหม่ที่อยากเพิ่มผลตอบแทนให้พอร์ตมากขึ้น จากการลงทุนหุ้นบางส่วน

K-WPSPEEDUP : ลงทุนผสม เน้นสัดส่วนในหุ้นมากขึ้น 50-80% เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการโอกาสรับผลตอบแทนสูงขึ้น แต่ไม่อยากให้พอร์ตเหวี่ยงมากไป

K-WPULTIMATE : ลงทุนผสม เพิ่มสัดส่วนหุ้นได้เต็มแม็กซ์ถึง 100% เหมาะกับนักลงทุนที่รับความผันผวนได้สูง เพื่อโอกาสทำกำไรให้พอร์ตเติบโต