ดาวโจนส์ปิดทรุด 626 จุด วิตกเศรษฐกิจถดถอย

HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นสหรัฐ 3 แห่งกอดคอกันร่วง ดาวโจนส์ปิดทรุด 626 จุด วิตกเศรษฐกิจถดถอย  ด้านตลาดหุ้นยุโรปลดลงมากที่สุดในรอบเกือบหนึ่งเดือน  ราคาน้ำมันดิบดิ่งมากกว่า 4% 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 3 ก.ย. 2567 ปิดที่ 40,936.93 จุด ลดลง 626.15 จุด หรือ -1.51% ในวันซื้อขายแรกของเดือนกันยายน หลังการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจชุดใหม่ทำให้กลับมากังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยอีกครั้ง
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,528.93 จุด ลดลง 119.47 จุด, -2.12% แ
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,136.30 จุด ลดลง 577.33 จุด, -3.26%

ทั้งสามดัชนีหลักปรับลงมากที่สุดภายในวันเดียวนับตั้งแต่วันที่ 5 ส.ค.ที่มีการเทขายหุ้นทั่วโลก

9 ใน 11 กลุ่มในดัชนี S&P 500 ลดลง นำโดยการลดลงของเทคโนโลยี พลังงาน บริการการสื่อสาร และวัสดุ

ความเชื่อมั่นของตลาดอ่อนตัวลง จากข้อมูลของสถาบันเพื่อการจัดการอุปทาน (Institute for Supply Management:ISM) เมื่อวานนี้ แสดงให้เห็นว่าการผลิตของสหรัฐฯ ยังคงซบเซา แม้จะดีขึ้นเล็กน้อยในเดือนสิงหาคมจากระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือนในเดือนกรกฎาคม ขณะที่ข้อมูลจาก S&P Global ก็แสดงให้เห็นถึงการลดลงตั้งแต่เดือนกรกฎาคมจนถึงเดือนสิงหาคม

ISM รายงานดัชนีภาคการผลิตเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้นมาที่ 47.2 จาก 46.8 ในเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2023 แต่ต่ำกว่า 47.9% ที่นักวิเคราะห์คาด และการที่ดัชนีอยู่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตอยู่ในภาวะหดตัว และเป็นการหดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5

ด้าน S&P Global รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตลดลงมาที่ 47.9 ในเดือนสิงหาคมจาก 49.6 ในเดือนกรกฎาคม และเป็นการหดตัวติดต่อกันเดือนที่ 2

ข้อมูลนี้ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ขณะที่ลาร์รี เทนทาเรลลี i หัวหน้านักกลยุทธ์ด้านเทคนิคของ Blue Chip Trend Report กล่าวว่า ตลาดในขณะนี้ดูเหมือนจะอ่อนไหวอย่างมากต่อข้อมูลใดๆ ที่เข้ามา และกลายเป็นตลาดที่ต้องพึ่งพาข้อมูลอย่างมาก

เจสัน บราวน์ ประธานของ Alexis Investment Partners กล่าวว่า เดือนกันยายนจัดเป็นหนึ่งในเดือนที่ภาวะตลาดย่ำแย่ เมื่อพิจารณาจากข้อมูลย้อนหลังไปถึงทศวรรษ 1950

ดัชนี CBOE Volatility Index ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในวอลล์สตรีทเกี่ยวกับความผันผวนของตลาดหุ้น เพิ่มขึ้น 33.2% เป็น 20.72 ซึ่งเป็นเปอร์เซ็นต์ที่เพิ่มขึ้นสูงสุดรายวันและปิดสูงสุดนับตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคม

นักลงทุนรอรายงานข้อมูลตลาดแรงงานหลายชุดก่อนข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนสิงหาคมในวันศุกร์

นอกจากนี้ยังจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ในวันที่ 17-18 กันยายน อย่างใกล้ชิด หลังประธานเฟดนายเจอโรม พาวเวลล์ ส่งสัญญานการผ่อนคลายนโยบายการเงิน

FedWatch Tool ของกลุ่ม CME บ่งชี้ว่ามีโอกาส 63% ที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ขณะที่มีโอกาส 37% ที่อัตราดอกเบี้ยจะปรับลดลงกว่า 0.50%

หุ้นกลุ่ม Magnificent Seven ปรับตัวลง โดยหุ้นNvidia ลดลงเกือบ 10% มูลค่าตลาดหายไป 279 พันล้านดอลลาร์มาที่ 2.65 ล้านล้านดอลลาร์ เป็นการลดลงมากสุดของมูลค่าตลาดภายในวันเดียวของบริษัทในสหรัฐฯ
หุ้น Alphabet ลดลง 3.6% หุ้น Apple ลดลง 2.7% และ หุ้น Microsoft ลดลง 1.8%

หุ้นเทสลาลดลง 1.6% หลังจากรอยเตอร์รายงานว่า บริษัทวางแผนที่จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าModel Y รุ่น 6 ที่นั่งในจีนตั้งแต่ปลายปี 2025
หุ้นโบอิ้งลดลง 7.3% หลังเวลลส์ ฟาร์โก ปรับลดคำแนะนำการลงทุนเป็น underweight จาก equal weight

ตลาดยุโรปปิดลบ เป็นการลดลงมากที่สุดในรอบเกือบหนึ่งเดือน จากข้อมูลการผลิตของสหรัฐฯ ทำให้กังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของการเติบโตทั่วโลกกลับมาอีกครั้ง ขณะที่นักลงทุนจับตาการรายงานการจ้างงานที่สำคัญทั้งหมดในวันศุกร์

ตลาดปรับลงในช่วงต้นของการซื้อขาย หลังจากข้อมูลการผลิตของสหรัฐฯ บ่งชี้ว่ากิจกรรมโรงงานยังคงซบเซา ทำให้ยิ่งวิตกมากขึ้นต่อภาวะเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก

หุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มทรัพยากรพื้นฐานนำการปรับลงของตลาด โดยลดลง 2.8% และ 3.3% ตามลำดับ

ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ร่วงลง จากเศรษฐกิจที่ซบเซาของจีน ซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดของโลก ได้ทำให้มีความวิตกมากขึ้นเกี่ยวกับอุปสงค์ ขณะที่รายงานเกี่ยวกับแนวโน้มการทำข้อตกลงเพื่อแก้ไขความขัดแย้งเกี่ยวกับการผลิตน้ำมันของลิเบียถ่วงราคาน้ำมันดิบลง
นักลงทุนจับตาการายงานข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันศุกร์นี้ เพื่อประเมินความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนกันยายน นอกจากนี้ ยังจับตาการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของประเทศในแถบยูโรโซนในสัปดาห์นี้ด้วย

นักลงทุนคาดว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนนี้ แม้ผู้กำหนดนโยบายจำนวนมากย้ำถึงความจำเป็นที่จะต้องระมัดระวังและพิจารณาจากข้อมูลเศรษฐกิจ

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย ลดลง 2.3% ตามหุ้นกลุ่มเดียวกันในสหรัฐ
ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 519.84 จุด ลดลง 5.10 จุด, -0.97%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,298.46 จุด ลดลง 65.38 จุด, -0.78%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,575.10 จุด ลดลง 71.32 จุด, -0.93%,
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 18,747.11 จุด ลดลง 183.74 จุด, -0.97%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนตุลาคม ลดลง 3.21 ดอลลาร์ หรือ 4.36% ปิดที่ 70.34 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนตุลาคม ลดลง 3.77 ดอลลาร์ หรือ 4.86% ปิดที่ 73.75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล