ดาวโจนส์ปิดลบ 140 จุด จับตาข้อมูลเงินเฟ้อ

HoonSmart.com>> ดัชนีดาวโจนส์ปิดลบ 140 จุด ด้านดัชนี S&P500 , Nasdaq บวก นักลงทุนรอการรายงานข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐเดือนก.ค.สัปดาห์นี้ เพื่อประเมินการดำเนินนโยบายการเงินของเฟด ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ WTI” พุ่ง 3.22 ดอลลาร์ ปิดเหนือ 80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดลบเล็กน้อย

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 12 สิงหาคม 2567 ปิดที่ 39,357.01 จุด ลดลง 140.53 จุด หรือ -0.36% ขณะที่นักลงทุนรอการรายงานข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐเดือนกรกฎาคมในสัปดาห์นี้ เพื่อประเมินการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)

ดัชนี S&P500 ปิดที่ ที่ 5,344.39 จุด เพิ่มขึ้น 0.23 จุด, +0.004%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 16,780.61 จุด เพิ่มขึ้น 35.31 จุด, +0.21%

ชุดข้อมูลเงินเฟ้อที่จะรายงานในสัปดาห์นี้มีความสำคัญสำหรับตลาดที่ยังคงกระวนกระวายใจหลังจากความผันผวนเพิ่มขึ้น โดยรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค(CPI)เดือนกรกฎาคมในวันพุธจะเป็นตัวบ่งชี้สำคัญของภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ และบ่งบอกว่านักลงทุนจะยังคงวิตกหรือไม่หลังจากรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่อ่อนแอในเดือนกรกฎาคมซึ่งมีส่วนทำให้เกิดการเทขายเมื่อเร็วๆ นี้

โดยคาดว่าทั้งดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปและดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน(ที่ไม่รวมอาหารและพลังงาน) สหรัฐจะเพิ่มขึ้น 0.2% จากเดือนมิถุนายน

โซลิต้า มาร์เซลลี จาก UBS Global Wealth Management กล่าวว่า ความผันผวนอาจกลับมาอีกครั้งในสัปดาห์นี้ หากอัตราเงินเฟ้อต่ำเกินไป อาจทำให้กังวลมากขึ้นว่าสหรัฐฯ อาจจะเข้าสู่ภาวะถดถอย หากอัตราเงินเฟ้อสูงเกินไป อาจทำให้วิตกว่าเฟดอาจไม่สามารถลดอัตราดอกเบี้ยได้เร็วพอที่จะปกป้องเศรษฐกิจได้ ขณะเดียวกันความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ยังคงเพิ่มสูงขึ้น

อย่างไรก็ตาม ประเด็นสำคัญของตลาดไม่ได้อยู่ที่ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายนหรือไม่ แต่อยู่ที่จะลดอัตราดอกเบี้ยลงเท่าไร เทรดเดอร์ส่วนหนึ่งในกลุ่มใหญ่ คาดว่าจะมีการปรับลด 0.25%ในเดือนหน้า ในขณะที่อีกประมาณ 48% คาดว่าจะมีการปรับลด 0.50%

วิล แม็คกอฟ ผู้อำนวยการฝ่ายการลงทุนของ Prime Capital Financial เชื่อว่า เฟดสามารถที่จะ ลดดอกเบี้ยแบบฉุกเฉินหรือ emergency cut ได้ ก่อนการประชุมนโยบายครั้งต่อไปในเดือนกันยายน

ก่อนการเผยแพร่ดัชนีราคาผู้บริโภค(CPI) จะการรายงานดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนกรกฎาคมในวันนี้ (13 ส.ค.) หลังจากนั้นยังมีการรายงานยอดค้าปลีกเดือนกรกฎาคมในวันพฤหัสบดี (15 ส.ค.)

นักลงทุนยังจับตาการแจ้งผลการดำเนินงานของบริษัทค้าปลีก Walmart และ Home Depot เพื่อประเมินสถานการณ์ด้านอุปสงค์จากผู้ซื้อ รวมไปถึงการประชุมประจำปีธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ที่ แจ็กสันโฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 22-24 สิงหาคม ที่ประธานเฟด นายเจอโรม พาวเวลล์ ในอาจให้ความเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายการเงิน

หุ้น KeyCorp ธนาคารระดับภูมิภาคในคลีฟแลนด์พุ่งขึ้น 13% หลังจากที่ ธนาคารโนวา สโกเทีย(Bank of Nova Scotia) ตกลงที่จะเข้าถือหุ้นส่วน ภายใต้เงื่อนไขของข้อตกลง KeyCorp จะได้รับเงินสดประมาณ 2.8 พันล้านดอลลาร์ ในขณะที่สโกเทียแบงก์จะได้ถือหุ้นสัดส่วน 14.9%

ตลาดยุโรปปิดลบเล็กน้อย จากที่ปรับขึ้นในช่วงแรก นักลงทุนต่างเตรียมพร้อมสำหรับการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อที่สำคัญของสหรัฐฯ เพื่อประเมินเส้นทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ท่ามกลางความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่ยืดเยื้อและการรายงานข้อมูลอื่น ๆ จำนวนมากในยุโรป

กลุ่มพลังงานและทรัพยากรพื้นฐานนำการปรับขึ้น ตามการเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งของราคาน้ำมันและโลหะ ขณะที่อสังหาริมทรัพย์ร่วงลงมากสุด โดยลดลง 0.9%

กลุ่มประกันภัยยังเป็นกลุ่มที่ปรับขึ้นมากสุดเช่นกัน จากหุ้น Hannover Re บริษัทประกันภัยต่อเยอรมนีที่เพิ่มขึ้น 5% หลังจากรายงานผลการดำเนินงานดีกว่าที่คาดไว้

นักลงทุนจับตาไปที่ข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผู้ผลิตในสหรัฐฯ รวมถึงการจ้างงานของยุโรปและตัวเลข GDP ตลอดทั้งสัปดาห์

นักลงทุนต่างมีความหวังว่าเฟด จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย หลังความกังวลว่าจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ ซึ่งจุดชนวนให้เกิดการขายหุ้นในตลาดโลกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว การประชุมครั้งต่อไปของเฟดจะมีขึ้นในวันที่ 18-19 กันยายน และเทรดเดอร์คาดว่า มีโอกาส 46% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50%

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 499.08 จุด ลดลง 0.11 จุด, -0.02%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,210.25 จุด เพิ่มขึ้น 42.15 จุด, +0.5%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,250.67 จุด ลดลง 19.04 จุด, -0.26%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 17,726.47 จุด เพิ่มขึ้น 3.59 จุด, +0.02%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 3.22 ดอลลาร์ หรือ 4.2% ปิดที่ 80.06 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนตุลาคมเพิ่มขึ้น 2.64 ดอลลาร์ หรือ 3.3% ปิดที่ 82.3 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล