HoonSmart.com>>”ไออาร์พีซี” (IRPC) โชว์ 6 เดือน/67 กำไร 812 ล้านบาท รุกขายน้ำมันอากาศยานรองรับอุตสาหกรรมการบินทั่วโลก ไตรมาส 2/67 ขาดทุน 732 ล้านบาท ดีกว่านักวิเคราะห์คาด บล.ทรีนีตี้แนะนำ”เก็งกำไร”ให้ราคาเป้าหมาย 2.26 บาท คาดไตรมาสที่ 3 กำไรปกติน่าจะดีกว่าไตรมาสที่ 2 บล.คิงส์ฟอร์ด แนะนำให้ถือ ราคาเป้าหมาย 1.82 บาท บล.กรุงศรีให้มูลค่าเหมาะสม 1.80 บาท
บริษัท ไออาร์พีซี (IRPC) เปิดเผยผลงานไตรมาสที่ 2/2567 ขาดทุนสุทธิ 732.29 ล้านบาท คิดเป็นขาดทุน 0.04 บาทต่อหุ้น ดีขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนขาดทุนมากถึง 2,245.80 ล้านบาท หรือ 0.11 บาทต่อหุ้น แต่ลดลงจากไตรมาสแรกปีนี้ที่มีกำไรสุทธิ 1,500 ล้านบาท โดยรวม 6 เดือนปีนี้กำไรสุทธิ 812 ล้านบาทหรือ 0.04 บาท พลิกจากขาดทุนสุทธิ 1,945.07 ล้านบาท ขาดทุนหุ้นละ 0.10 บาทในช่วงเดียวกันปีก่อน
ผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรก ปี 2567 IRPC มีรายได้สุทธิกว่า 148,710 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% จากราคาขายเพิ่มขึ้น 9% ตามราคาน้ำมันที่สูงขึ้น รวมทั้งมีกำไรจากสต๊อกน้ำมันถึง 2,138 ล้านบาท ทำให้ EBITDA อยู่ที่ 6,118 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 187% ดันกำไรสุทธิ 812 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าขายน้ำมันอากาศยาน Jet A1 มาตรฐาน JIG รองรับอุตสาหกรรมการบินทั่วโลกเติบโต
นายกฤษณ์ อิ่มแสง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี กล่าวว่า IRPC ประสบความสำเร็จในการขยายตลาดน้ำมัน Jet A1 คุณภาพสูง ตามมาตรฐานสากล JIG (Joint Inspection Group) ไปยังประเทศเวียดนาม ซึ่งเป็นการตอกย้ำความสามารถในการผลิต ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและเป็นที่ต้องการของตลาดโลก ที่สร้างมูลค่าเพิ่มและรายได้ให้บริษัทฯ
สำหรับความก้าวหน้าของธุรกิจปิโตรเคมี ผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติก พีพี (Polypropylene) “POLIMAXX” 4 เกรด ได้แก่ K4510B K4520UB, K4527B และ 1140VC ได้รับการรับรองฉลากรักษ์สิ่งแวดล้อม UL Environmental Claim Validation (ECV) label จาก Underwriter Laboratories หรือ UL ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นรายแรกของประเทศไทย แสดงถึงความมุ่งมั่นในการใช้เทคโนโลยีพัฒนาผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติก ที่มีประสิทธิภาพและคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
IRPC ได้ขยายการลงทุนในบริษัทนวัตกรรมด้านวัสดุขั้นสูง (Advance Materials) บริษัท คลีนเทค แอนด์ บียอนด์ จำกัด (Cleantech & Beyond) ที่เป็นการลงทุนโดยใช้ทรัพย์สินทางปัญญา หรือ IP (Intellectual Property) ของ IRPC ที่เกิดจากงานวิจัยที่ร่วมทำงานกับสถาบันวิทยสิริเมธี (VISTEC) เพื่อแสวงหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ในบริษัท Startup สร้างการเติบโต ในระยะยาวและตอบโจทย์เมกะเทรนด์ ที่สอดคล้องกับกลยุทธ์ Step up & beyond ของบริษัทฯ
นอกจากนี้ IRPC ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือสัญญาอนุพันธ์ทางการเงิน Sustainability-Linked Forward Contracts ร่วมกับธนาคารกรุงไทย และธนาคารไทยพาณิชย์ เพื่อป้องกันความเสี่ยง ด้านอัตราแลกเปลี่ยนและส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งเป็นนวัตกรรมสัญญาอนุพันธ์ทางการเงิน ที่มีต้นทุนอ้างอิงกับผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและบรรษัทภิบาล (ESG) ที่เชื่อมโยงการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาองค์กร อย่างยั่งยืนของบริษัทฯ
นายกฤษณ์ กล่าวถึงสถานการณ์ตลาดน้ำมันช่วงไตรมาส 3/2567 คาดว่าความต้องการใช้น้ำมันโดยรวมจะเพิ่มขึ้น โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากความต้องการผลิตน้ำมันเบนซินในช่วง Driving Season และความต้องการน้ำมันเตา เพื่อผลิตไฟฟ้าช่วงฤดูร้อน ในกลุ่มประเทศ ตะวันออกกลาง ขณะที่สถานการณ์ความขัดแย้งในหลายประเทศ ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญสร้างความไม่แน่นอน ในตลาดน้ำมันดิบ
สำหรับตลาดปิโตรเคมีช่วงไตรมาส 3/2567 กำลังการผลิตใหม่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นมากกว่าความต้องการผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี กดดันให้ราคาผลิตภัณฑ์ในกลุ่มโอเลฟินส์ปรับตัวลดลง ขณะที่ความต้องการกลุ่มสไตรีนิกส์โดยเฉพาะ ABS มีแนวโน้มฟื้นตัว ดีขึ้นช่วงปลายไตรมาสนี้ เนื่องจากเข้าสู่ช่วง Manufacturing Season ของธุรกิจปิโตรเคมี
ด้านบล. ทรีนีตี้มอง IRPC ขาดทุนไตรมาสที่ 2 น้อยกว่าตลาดคาด แนะนำให้ซื้อเก็งกำไร คงราคาเป้าหมายปีนี้ที่ 2.26 บาท โดยแนวโน้ม
ธุรกิจปิโตรเคมียังไม่ฟื้นตัวไปอีกอย่างน้อย 1 ปี ใน 3 เดือน แต่ที่ผ่านมาราคาหุ้นปรับลดลง -30% ยังคงเป็ น sideway ต่อไป ยังไม่มีปัจจัย
สนับสนุน ต้องรอเวลาการฟื้นตัว
แนวโน้มไตรมาสที่ 3 คาดว่ากำไรปกติน่าจะดีกว่าไตรมาสที่ 2 จากค่าการกลั่นที่เพิ่มขึ้นและกลุ่ม Styrenics ที่คาดว่าจะยังดีต่อ
บล.คิงส์ฟอร์ด แนะนำให้ถือหุ้น IRPC ราคาเป้าหมาย 1.82 บาท ไตรมาสที่ 2 ขาดทุนสุทธิกดดันจากฝั่งธุรกิจปิโตรเลียมที่อ่อนตัวลง และมาจากการบันทึกกำไรสต๊อกน้ำมันลดลงจากไตรมาสแรก แนวโน้มไตรมาสที่ 3 คาดผลการดำเนินงานปกติทยอยฟื้นตัวจากไตรมาสที่ 2 มีปัจจัยหนุนจากค่าการกลั่นที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น อ้างอิงจากค่าการกลั่นสิงคโปร์ที่อยู่ราว 4-5 เหรียญ/บาร์เรล เป็นผลจากการปรับลดกำลังการผลิตในภูมิภาค นอกจากนี้ต้นทุน crude premium (Arab Light) ก็มีทิศทางปรับลดลง รวมไปถึงธุรกิจปิโตรเคมีคาดส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ ABS และ PS จะทยอยฟื้นตัวดีขึ้นตามอุตสาหกรรมกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในจีน เนื่องจากการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตามบริษัทอาจจะยังไม่สามารถพลิกเป็นบวกได้เนื่องจากต้นทุนต่อหน่วยที่อยู่ในระดับสูงราว 10 เหรียญ/บาร์เรล ดังนั้นจึงปรับลด
ประมาณการปี 2567 เป็นขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 977 ล้านบาท สะท้อนผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกที่อ่อนแอกว่าคาดจากการปรับสมดุลของค่าการกลั่นและการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมปิโตรเคมีที่ยังช้า ภายใต้สมมติฐาน Market GIM ในปี 2567 ที่ 7.3 เหรียญ/บาร์เรล และที่ 9.6 เหรียญ/บาร์เรลในปี 2568
บล.กรุงศรีอยุธยามองผลงาน IRPC ต่ำกว่าคาดเล็กน้อย แต่มาจากประเด็นค่าใช้จ่ายชดเชยพนักงานที่ยังมีต่อเนื่องในไตรมาสที่ 3
ส่งให้ประมาณการปีอาจมีความเสี่ยง downside 300-400 ล้านบาท คงคำแนะนำ Neutral ให้ราคาเป้าหมายปีหน้าที่ 1.80 บาท แม้ราคา
สะท้อนปัจจัยลบไปมากแล้ว แต่สามารถรอดูการฟื้นของ spread ปิโตรเคมีก่อนได้