ดาวโจนส์ปิดร่วง 504 จุด ผิดหวังผลการดำเนินงานเทสลา-อัลฟาเบท

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ 3 ดัชนีหลักปิดลบ ดาวโจนส์ร่วง 504 จุด ด้านดัชนี S&P 500 , Nasdaq ลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2022 แรงขายหุ้นเทคผิดวังผลการดำเนินงาน Alphabet , Tesla ด้านราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดลบ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 24กรกฎาคม 2567 ปิดที่ 39,853.87 จุด ลดลง 504.22 จุด หรือ -1.25% ขณะที่ ดัชนี S&P 500 และดัชนี Nasdaq ลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2022 จากการเทขายโดยได้รับแรงกดดันจากรายงานผลประกอบการที่น่าผิดหวังของอัลฟาเบท( Alphabet) และเทสลา(Tesla)

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ ที่ 5,427.13 จุด ลดลง 128.61 จุด, -2.31%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,342.41 จุด ลดลง 654.94 จุด, -3.64%

หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Google ลดลง 5% เป็นการลดลงภายในวันเดียวที่มากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 31 มกราคมที่ลดลง 7.5% แม้รายงานรายได้และกำไรจะดีกว่าคาด แต่รายได้จากการโฆษณาของ YouTube ก็ต่ำกว่าประมาณการของนักวิเคราะห์

หุ้นเทสลาลดลง 12.3% และเป็นวันที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2020 เนื่องจากผลประกอบการที่อ่อนแอเกินคาดและรายรับรถยนต์ลดลง 7% เมื่อเทียบเป็นรายปี

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีรายใหญ่อื่นๆ ต่างลดลงตามอัลฟาเบทและเทสลา โดยหุ้น Nvidia และหุ้นเมตาแพลตฟอร์ม ลดลง 6.8% และ 5.6% ตามลำดับ ส่วนไมโครซอฟต์ ลดลง 3.6%

ผลประกอบการที่น่าผิดหวังของอัลฟาเบทและเทสลามีผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ได้แรงหนุนจากกระแสเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI)

นักวิเคราะห์ของ UBS ที่ระบุว่า เทสลาได้ขึ้นเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีมูลค่าตลาดมากที่สุดไม่ใช่แค่เพราะรถยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะความคิดริเริ่มด้าน AI เช่น Robotaxi อีกด้วย ในขณะเดียวกัน ความอดทนของนักลงทุนต่อการลงทุนด้าน AI ครั้งใหญ่ของอัลฟาเบทอาจจะน้อยลงเช่นกัน

แซม สโตวาล หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุนของ CFRA กล่าวว่า รายงานผลกำไรจากเทสลา และอัลฟสเบท ทำให้เกิดคำถามในหมู่นักลงทุนว่าผลประกอบการของหุ้นใหญ่อื่นๆ อาจไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ และอาจะผิดหวังหลายรอบ จึงขายไปก่อนดีกว่า

รอสส์ เมย์ฟิลด์ นักกลยุทธ์การลงทุนของ Baird กล่าวว่า การขายออกในวันพุธมาจากภาวะตลาดที่มีการซื้อมากเกินไป(overbought) การตั้งมาตรฐานผลการดำเนินไว้สูง และเป็นช่วงที่หุ้นปรับตัวลงตามปัจจัยฤดูกาล ซึ่งไม่ได้สร้างความประหลาดใจให้กับนักลงทุนมากนัก

แม้บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีหรือ megacap ผลการดำเนินงานต่ำกว่า แต่ฤดูกาลการรายงานผลประกอบการโดยรวมก็ยังเริ่มต้นได้อย่างแข็งแกร่ง โดยจากที่บริษัทใน S&P 500 กว่า 25% ที่รายงานผลประกอบการไตรมาสสองแล้วนั้น ประมาณ 80% เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ตามข้อมูล FactSet

แต่สิ่งที่ทำให้นักลงทุนกังวลมากขึ้นคือ ข้อมูลการผลิตของสหรัฐฯ ที่อ่อนแอกว่าที่คาดไว้ โดยเอสแอนด์พี โกลบอลรายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI)ภาคการผลิตเดือนกรกฎาคมลดลมาที่ 49.5 ซึ่งเข้าสู่เขตการหดตัวอย่างไม่คาดคิด เนื่องจากคำสั่งซื้อใหม่ การผลิต และสินค้าคงคลังลดลง ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 51.5

ดัชนีPMI รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้นมาที่ 55.0 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 27 เดือน จาก 54.8 ในเดือนมิถุนายน

นอกจากนี้ยอดขายบ้านใหม่ลดลงมากกว่าคาด โดยกระทรวงพาณิชย์รายงาน ยอดขายบ้านใหม่เดือนมิถุนายนลดลง 0.6% เมื่อเทียบรายเดือน มาที่ 617,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือน และต่ำกว่า 640,000 ยูนิตที่นักวิเคราะห์คาด

นักลงทุนจับตาการรายงาน ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2 ปีนี้ และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในวันพฤหสบดี

ตลาดยุโรปปิดลบจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มสินค้าหรู หลังการรายงานผลประกอบการของ LVMH ที่ซบเซา ในขณะที่ผลประกอบการที่ไม่สดใสของบริษัทในกลุ่มอื่นๆ เช่น ธนาคาร ก็ทำให้ความเชื่อมั่นตกต่ำเช่นกัน

กลุ่มเทคโนโลยีลดลงมากเป็นอันดับต้น ๆ โดยลดลง 2.4% ในขณะที่บริษัทอุปกรณ์การผลิตชิปของเนเธอร์แลนด์ ASM International ลดลง 9.4% แม้มีการปรับเพิ่มคำแนะนำในไตรมาสที่สามหลังจากคำสั่งซื้อไตรมาสสองดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาด

หุ้นเซมิคอนดักเตอร์อื่นๆ เช่น BESI และ ASML ก็ร่วงลง 8.5% และ 3.4% ตามลำดับ

หุ้นบริษัทสินค้าหรูรายใหญ่ที่สุดของโลก LVMH ลดลง 4.7% หลังจากยอดขายในไตรมาสสองต่ำกว่าคาด หุ้นChristian Dior ลดลง 4.7% หุ้น Kering, Hermes และ Hugo Boss ลดลงระหว่าง 2.1% ถึง 4.5%

หุ้นกลุ่มธนาคารลดลง 0.5% โดยหุ้น Deutsche Bank ร่วง 8.3% หลังรายงานผลขาดทุนในไตรมาส 2 เป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี จากการกันสำรอง 1.3 พันล้านยูโร (1.4 พันล้านดอลลาร์) สำหรับการฟ้องร้องของนักลงทุน

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 512.30 จุด ลดลง 3.17 จุด, -0.61%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,153.69 จุด ลดลง 13.68 จุด, -0.17%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,513.73 จุด ลดลง 84.90 จุด, -1.12%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 18,387.46 จุด ลดลง 170.24 จุด, -0.92%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 63 เซนต์ หรือ 0.82% ปิดที่ 77.59 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 70 เซนต์ หรือ 0.86% ปิดที่ 81.71 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล