“บลจ.ยูโอบี” คาดตลาดกลับมาโฟกัสดอกเบี้ย “เฟด” กดดันกลุ่ม Growth Stock

HoonSmart.com>> “บลจ.ยูโอบี” มองหลังเพดานหนี้สหรัฐฯคลี่คลาย ตลาดกลับมาโฟกัส Fed จะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายประชุมมิ.ย.นี้หรือไม่ อาจกระทบกลุ่ม Growth Stock ที่อ่อนไหวต่อดอกเบี้ยและเป็นกลุ่มที่ Outperform มาตลอดตั้งแต่ต้นปี อาจพักฐานในช่วงสั้น แนะหากย่อตัวเป็นโอกาสดีเข้าทยอยสะสม หุ้นที่มีควาสามารถในการสร้างกำไรที่สม่ำเสมอและมีพื้นฐานรองรับการเติบโตที่ชัดเจนกลุ่ม Rabotics & AI, EV, ESG, Clean Energy กลุ่ม Big Tech มีแนวโน้มรายได้ดี

บริษัทหลักทรัพย์ยูโอบี (ประเทศไทย) ออกบทวิเคราะห์รายสัปดาห์ (Weekly Market In Brief) วันที่ 5-9 มิ.ย.2566 ว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจาคความกังวลเรื่อง Debt Ceiling ได้คลี่คลายและยุติลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รวมถึงตัวเลขกาคการจ้างงานที่ออกมาในลักษณะที่สอดคล้องกับแนวคิดที่ว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวลงแบบ Soft Landing ทำให้ Sentiment การลงทุนดูดีขึ้น

นอกจากนี้เมื่อพิจารณาเป็นรายกลุ่มพบว่ามีความน่าสนใจคือ การปรับตัวเพิ่มขึ้นในสัปดาห์นี้เกิดจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นในแนวกว้าง ทั้งกลุ่ม Value / Growth และ Big Cap / Small Cap ซึ่งแตกต่างจากในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมาที่การปรับตัวเพิ่มขึ้นจะกระจุกตัวอยู่เฉพะกลุ่ม Tech Mega Cap โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มได้รับประโยชน์จากคระแส A Chipmaker Semiconductor

ทั้งนี้เรามองว่าหลังจากประเด็น Debt Ceiling ได้คลี่คลายไปแล้ว ระยะข้างหน้าตลาดจะกลับมาโฟกัสถึงความเป็นไปได้ที่ Fed จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในรอบการประชุมในมิถุนายนนี้หรือไม่ ซึ่งเมื่อ เราพิจารณาจากตัวเลข Core PCE ที่อกมาก่อนหน้านีโดยเฉพาะอย่างยิ่ง Core Service PCE ยังคงเร่งตัวอยู่ อันเป็นผลจากภาคการจ้างงานที่ยังคงแข็งแกร่ง

อย่างไรก็ดีตัวเลขภาคการจ้างงานทีประกาศออกมาในสัปดาห์ที่ผ่านมาเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัวลง โดยแม้ว่าตัวเลข Non-Farm Payrolls ที่ออกมามากกว่าที่คาด แต่อเมื่อพิจารณาตัวเลข Unemployment Rate,. Weekly Initial Jobless ที่ปรับตัวสูงขึ้น และที่สำคัญคือ Wage Growth ที่ปรับตัวลดลง ทำให้เราเชื่อว่ากาคการจ้างานยังชะลอตัวลงและจะทำให้เงินเฟ้อปรับตัวลดลงได้ในท้ายที่สุด ซึ่งสอดคล้องกับ สิ่งที่ตลาได้ปรับมุมมองการขึ้นดอกเบี้ยในรอบการประชมเดือนมิถุนายน ลดลงจาก 64% ในช่วงต้นสัปดาห์ที่แล้วลดลงเหลือ 25% ณ สิ้นนสัปดาห์ และมองว่า Fed อาจจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยขึ้นได้อีก 25 bps ในรอบการประชุมเดือนกรกฎาคม มากกว่า ซึ่งการเคลื่อนไหวนี้ สอดคล้องกับ Base Case ของเราที่ได้พูดถึงในสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า Fed จะยังคงอัตราตราดอกเบี้ยในรอบการประชุมครั้งหน้าด้วย Credit Condition ที่ตึงตัวและภาคการจ้างที่เริ่มชะลอตัวลงแล้วและเชื่อว่าตัวเลข CPI ที่จะประกาศก่อนประชุม Fed ในจะส่งสัญญาณชะลอตัวเช่นกัน

ด้วยหตุนี้ในระยะ 1-2 สัปดาห์ก่อนการประชุม Fed เราเชื่อว่าตลาดน่าจะกันมาเล่นประเด็นเรื่องดอกเบี้ยอีกครั้งและอาจจะกระทบต่อกลุ่ม Growth Stock ที่มีความอ่อนไหวต่อดอกเบี้ยและเป็นกลุ่มที่ Outperform มาตลอดตั้งแต่ต้นปีซึ่งอาจจะมีการพักฐานในช่วงสั้น อย่างโรก็ตามถ้าเกิดจังหวะย่อตัวเรามองว่าเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าทยอยสะสม (Buy On Dip) ในหุ้นที่มีควาสามารถในการสร้างกำไรที่สม่ำเสมอและมีพื้นฐานรองรับกรเติบโตที่ชัดเจนสามารถเติบโตเป็น Secular Trend ได้อย่าง (Rabotics & AI, EV, ESG, Clean Energy) รวมถึงหุ้นกลุ่ม Big、Tech.ที่มี Earnings Visibility ที่ดีและให้จับตาดูว่าหากเกิด Condition ที่เป็น Goldiock (เงินเฟ้อลงได้จริงในขณะเดียวกันเศรษฐกิจค่อยๆชะลอตัวแบบ Soft Landing) เราน่าจะเห็นการฟื้นตัวแบบแนวกว้างขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มที่เป็น Value และ Cyclical Play ที่ Laggard น่าจะเริ่มกลับมาน่สนใจอีกครั้ง

ในขณะเดียวกันการลงทุนในตราสารหนี้ในช่วงสั้น Credit Market อาจมีความผันผวนจาก Liquidity ที่ถูกดึงออกจากระบบหลัง Debt Ceiling คลี่คลายและอาศัยจังหวะหนี้ทยอยสะสมได้ ด้วย Yield. ที่ Pick.Up ขึ้นมา รวมถึงโอกาสในการได้รับ Capital. Gain จากแนวโน้มการดำเนินนโยบายทางการเงินที่กำลังเปลี่ยนผ่าน โดยเราแนะนำการลงทุนในตราสารหนี้ที่มีคุณภาพระดับ Investment Grade ขึ้นไปเพื่อลดความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนีในช่วงเศรษฐกิจถดถอย

สำหรับกองทุนตราสารหนี้และกองทุนรวมผสม แนะนำ กองทุน TCMF, UGIS, UINC, UGBF กองทุนรวมหุ้นต่างประเทศ แนะนำ กองทุน UESG , UEV, UGQG ,UINFRA , UCI, UCHINA