HoonSmart.com>> ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 78 จุด นักลงทุนจับตาข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตร ด้านผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้วที่เพิ่มขึ้นสูงกว่าคาด หนุนเฟดอาจเริ่มปรับลดดอกเบี้ย ผสมแรงกดดัน ECB ประกาศลดดอกเบี้ยครั้งแรกนับแต่ปี 2019 ด้านราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดบวก
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 6มิถุนายน 2567 ปิดที่ 38,886.17 จุด เพิ่มขึ้น 78.84 จุด หรือ +0.20% นักลงทุนจับตาการรายงานข้อมูลการจ้างงานประจำเดือนพฤษภาคม เพื่อหาสัญญาณของตลาดแรงงานที่อ่อนตัวลง ซึ่งอาจสนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,352.96 จุด ลดลง 1.07 จุด, -0.02%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,173.12 จุด ลดลง 14.78 จุด,-0.09%
หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคและอุตสาหกรรมเป็น 2 กลุ่มที่ฉุดดัชนี S&P 500 ลง ส่วนกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยและพลังงานปรับตัวขึ้น
หุ้นNvidia ลดลง 1.1% และกลับมาเป็นบริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงเป็นอันดับสามของโลกหลังจากที่แซงหน้า Apple ขึ้นมาเป็นอันดับสองวันก่อนหน้า
นักลงทุนรอการรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์ ขณะที่รายงานผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้วที่เพิ่มขึ้น 8,000 ราย มาที่ 229,000 รายและสูงกว่า 220,000 ราย ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์นั้น เป็นข้อมูลล่าสุดที่บ่งชี้ถึงว่าตลาดแรงงานที่ตึงตัวได้ผ่อนคลาย ซึ่งอาจทำให้เฟดเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้ ประกอบกับแรงกดดันจากธนาคารกลางยุโรปที่ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2019
การประชุมของเฟดครั้งต่อไปจะมีขึ้นในสัปดาห์หน้าและคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ย FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 68% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายน ผลสำรวจของ LSEG และสำนักข่าวรอยเตอร์ พบว่านักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้
กระทรวงแรงงานกำหนดรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพฤษภาคมในวันนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 180,000 ตำแหน่งและจะชะลอตัวลงกว่าในช่วงสามเดือนแรกของปี แต่การเติบโตของงานยังคงเร็วพอที่จะไม่ทำให้การว่างงานเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าอัตราการว่างงานจะทรงตัวที่ 3.9% ซึ่งหากเป็นตามที่คาดก็จะกลายเป็นเดือนที่ 28 ติดต่อกันที่อัตราการว่างงานต่ำกว่า 4% นานที่สุดนับตั้งแต่ต้นทศวรรษ 1950
หุ้น Lululemon บวก 4.8% จากผลการดำเนินงานที่สูงเกินคาดในไตรมาส 1
ตลาดยุโรปปิดบวก ด้วยแรงหนุนจากกลุ่มธนาคาร เทคโนโลยี และเฮลธ์แคร์ หลังธนาคารกลางยุโรป(ECB)ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 5 ปีนับตั้งแต่ปี 2019 และเป็นครั้งแรกที่ลดดอกเบี้ยก่อนธนาคารกลางสหรัฐ ตลอดจนนำหน้าธนาคารกลางประเทศอื่นทั่วโลกในการผ่อนคลายนโยบายการเงิน
ECB ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยหลัก 3 ประเภทลง 0.25% จุดตามที่คาดการณ์ ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากอยู่ที่ 3.75% อัตราดอกเบี้ยเงินกู้อยู่ที่ 4.50% และอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์อยู่ที่ระดับ 4.25%
แถลงการณ์ ECBระบุว่า อัตราเงินเฟ้อยังคงลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และ “แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด”
ECB คาดว่า อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยจะอยู่ที่ 2.2% ในปี 2025 เพิ่มขึ้นจาก 2% ประมาณการครั้งก่อน ซึ่งหมายความว่าเงินเฟ้อจะสูงกว่าเป้าหมาย 2% ของ ECB ไปจนถึงปีหน้า
หุ้นกลุ่มธนาคารเพิ่มขึ้น 1.7% หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ บวก 1.4% โดยหุ้นNovo Nordisk บวกเกือบ 4% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปิดบวก 1.2% ใกล้ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2000 โดยหุ้น SAP บริษัทซอฟต์แวร์ของเยอรมนี พุ่ง 3.6% หลังซีอีโอ เปิดเผยแนวโน้มที่สดใสสำหรับปี 2026 และ 2027
หุ้น ASML บริษัทเซมิคอนดักเตอร์ของเนเธอร์แลนด์บวก1.5%
หุ้นที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย อาทิ กลุ่มสาธารณูปโภคและกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ปรับตัวลง 0.9% และ 0.6% ตามลำดับ
ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ 524.68 จุด เพิ่มขึ้น 3.45 จุด, +0.66%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,285.34 จุด เพิ่มขึ้น 38.39 จุด, +0.47%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 8,040.12 จุด เพิ่มขึ้น 33.55 จุด, +0.42%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 18,652.67 จุด เพิ่มขึ้น 76.73 จุด, +0.41%
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้น 1.48 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 75.55 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้น 1.46 ดอลลาร์ หรือ 1.86% ปิดที่ 79.87 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล