MAGURO แจกกำไรครึ่งวันเช้า 40.25% ตั้งเป้ารายได้โต 30% -เปิดสาขา 11 แห่ง

HoonSmart.com>>มากุโระ เข้าเทรด mai วันแรก พุ่งเหนือจอง 44.65% ชูพื้นฐานแกร่ง-โอกาสเติบโตสูง ตั้งเป้ารายได้โต 30% เดินหน้าขยายสาขา 11 แห่ง เพิ่ม 1 แบรนด์ใหม่ในปีนี้

นายเอกฤกษ์ แสงเสรีดำรง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท มากุโระ กรุ๊ป (MAGURO) เปิดเผยว่า บริษัทฯ เข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันนี้ (5 มิถุนายน 2567) เป็นวันแรก ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างดีเยี่ยม โดยเปิดการซื้อขายที่ 23.00 บาท เพิ่มขึ้น 7.10 บาท หรือ 44.65% เทียบราคา IPO ที่ 15.90 บาท/หุ้น สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อแบรนด์ของบริษัทฯ ที่เป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่น-เกาหลี และได้รับการยอมรับจากลูกค้ามายาวนานกว่า 9 ปี

“ขอขอบคุณนักลงทุนทุกท่านที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น บริษัทฯ พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจตามแผนที่วางไว้ โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้จะนำไปเปิดแบรนด์ใหม่ และขยายสาขาเพิ่ม”นายเอกฤกษ์ กล่าว

บริษัทมีแผนขยายสาขาปีละไม่ต่ำกว่า 10% โดยปี 2567 จะขยาย 11 สาขาในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งมีพื้นที่ครบแล้ว โดยจะใช้เงินลงทุนตั้งแต่สาขาละ 13-25 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับพื้นที่ ซึ่งปัจจุบันมีสาขาที่ยู่ในย่านซีบีดี 30% และอยู่รอบๆ 70%  สำหรับ ความสามารถในการทำกำไรของสาขาในย่านซีบีดี กับรอบนอก และต่างจังหวัด จะใกล้เคียงกัน เพราะต่างจังหวัดค่าเช่าพื้นที่จะถูกกว่าแม้ว่าปริมาณการเข้าร้านจะเบาบาง

รวมถึงปรับปรุงสาขาเดิม ครัวกลาง และระบบ IT เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และรองรับการขยายตัวของจำนวนสาขาของบริษัทฯ ในอนาคต

ทั้งนี้ จะใช้เงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน ซึ่งจะช่วยให้บริษัทฯ ขยายกิจการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“ตลาดอาหารมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เฉลี่ยปีละ 10% ซึ่งปีนี้นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นและเทศรษฐกิจค่อยๆฟื้นตัว เป็นโอกาสของเรา”

นายเอกฤกษ์ กล่าวว่า จุดแข็งที่ดึงดูดลูกค้ามาตลอด คือ การมีวัฒนธรรมการให้มากกว่าที่ขอ หรือ Give More ซึ่งเป็นหัวใจหลักในการให้บริการ ที่สะท้อนออกมาทางวัตถุดิบที่สดใหม่ รสชาดอาหาร ที่บริษัทให้ความสำคัญมากโดยมีแผนก R&D ที่ทำการพัฒนาในทุกๆด้านตลอดเวลา ถือเป็นสิ่งที่โดดเด่นออกมาอย่างชัดเจน และยึดปรัชญานี้ในการให้บริการลูกค้าตั้งแต่การเปิดร้านมากุโระ สาขาแรก เมื่อ 9 ปีที่แล้ว จนถึงปัจจุบัน อีกทั้ง บริษัทฯ ยังยึดหลักปรัชญา Give More ในการดำเนินกิจการทั้งกับคู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจ ตลอดจนผู้ถือหุ้น และผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน

นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส  ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า การเข้าเทรดในวันแรกได้รับการตอบรับอย่างคึกคัก จากปัจจัยพื้นฐานของบริษัทฯ ที่มีความแข็งแกร่ง ซึ่งเห็นได้จากความสามารถในการทำกำไรที่โดดเด่น การเติบโตอย่างต่อเนื่องและมั่นคง

ทั้งนี้ เชื่อว่า MAGURO จะเป็นบริษัทฯ ที่มีศักยภาพในการเติบโต จากการที่บริษัทฯ มีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง มียอดผู้ติดตามบน Social Media มากกว่า 500,000 ราย และมีกลุ่มลูกค้าที่เป็นสมาชิก (Membership) กว่า 145,000 ราย ซึ่งในปี 2566 สมาชิกดังกล่าวสามารถสร้างรายได้ให้กับ บริษัทฯ กว่า 54.36% แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการสร้างรายได้อย่างต่อเนื่องของบริษัทฯ อีกทั้งยังเป็นฐานสำคัญสำหรับการสร้างแบรนด์ใหม่ในอนาคต ซึ่งบริษัทฯ มีแผนที่จะขยายสาขา และเปิดแบรนด์ใหม่ภายในปี 2567 ไม่น้อยกว่า 11 สาขา ซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโต
“เพื่อเป็นการเพิ่มความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน Holistic Impact Pte. Ltd ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นเดิมที่ยังคงถือหุ้นอยู่ในบริษัทฯ พร้อมกับนักลงทุนสถาบันที่ดำเนินการซื้อ-ขายผ่านกระดาน Big Lot ในวันนี้ สมัครใจ Lockup หุ้นเป็นเวลา 3 เดือน และเมื่อนับรวมกับหุ้นที่ถูกติด Silent Period ตามข้อบังคับของตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้ว จะมีหุ้นที่ถูกห้ามขายรวมเป็นจำนวน 72.97% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัทฯ”นายสมภพ กล่าว

น.ส.จิรยง อนุมานราชธน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจย์ แคปปิตอล แอดไวเซอรี จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินที่ได้ดูแล MAGURO ทำให้เห็นถึงศักยภาพของทีมผู้บริหารและพนักงานทุกท่านที่จะร่วมกันผลักดันให้บริษัทฯ เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยจากพื้นฐานที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ เชื่อว่า MAGURO จะได้รับการต้อนรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่จะช่วยให้บริษัทฯ มีแหล่งเงินทุนสำหรับการขยายธุรกิจ เพื่อสร้างการเติบโตได้อย่างมั่นคงและแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้เชื่อว่า MAGURO จะเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุน เนื่องจากเป็นบริษัทฯ ที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง จากการบริหารธุรกิจให้มีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งไม่มีหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย ทำให้สามารถต่อยอดทางธุรกิจได้เป็นอย่างดีในอนาคต

ด้านผลการดำเนินงานใน ปี 2566 มีรายได้รวม 1,045.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 57.06% และมีกำไร 72.48 ล้านบาท เติบโตสูงถึง 131.12% จากปีก่อนหน้า ขณะที่ผลการดำเนินการในงวดไตรมาส 1 ปี 2567 มีรายได้รวม 297.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.89% และมีกำไรสุทธิ 20.13 ล้านบาท เติบโต 3.52% จากงวดเดียวกันเมื่อปีก่อน โดยมีนโยบายการจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่าร้อยละ 40.00 ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ หลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และหลังหักสำรองต่าง ๆ

ด้านราคาเป้าหมาย 6 โบรกเกอร์ ได้แก่บล.ฟินันเซีย ไซรัส, บล.บียอนด์, บล.ดาโอ,บล.เคจีไอ (ประเทศไทย),บล.ลิเบอเรเตอร์ และ บล.ทรีนีตี้ ให้ราคาเหมาะสมหุ้น IPO MAGURO อยู่ที่ระหว่าง 21.40-25.00 บาท

ขณะที่ ราคาหุ้น MAGURO ปิดภาคเช้าที่ 22.30 บาท เพิ่มขึ้น 6.40 บาท หรือเพิ่มขึ้น 40.25% โดยขึ้นไปสูงสุดที่ 23.30 บาท และต่ำสุดที่ 20.50 บาท มูลค่าการซื้อขายรวม 1,277.44 ล้านบาท