HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดบวก ดัชนีดาวโจนส์พุ่ง 383 จุด ขานรับรายงานเงินเฟ้อเดือนมี.ค.ชะลอตัว เพิ่มขึ้นต่ำกว่าคาด หวังมากขึ้นเฟดอาจใกล้ยุติวงจรการปรับขึ้นดอกเบี้ยในเชิงรุก ราคาน้ำมันดิบลดลง ฟากตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดวันที่ 13 เมษายน 2566 ที่ 34,029.69 จุด พุ่งขึ้น 383.19 จุด หรือ 1.14% นักลงทุนขานรับรายงานเงินเฟ้อเดือนมีนาคมที่ชะลอและเพิ่มขึ้นต่ำกว่าคาด ทำให้คาดหวังมากขึ้นว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) อาจจะใกล้ยุติวงจรการปรับขึ้นดอกเบี้ยในเชิงรุก
ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 4,146.22 จุด เพิ่มขึ้น 54.27 จุด, +1.33% สูงสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,166.27 จุด เพิ่มขึ้น 236.93 จุด, +1.99%
กระทรวงแรงงานรายงานดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต ลดลง 0.5% เมื่อเทียบรายเดือน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะทรงตัว ดัชนี PPI พื้นฐานลดลง 0.1% เมื่อเมื่อเทียบรายเดือน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบรายปีดัชนี PPI ทั่วไปเพิ่มขึ้นเพียง 2.7% ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2021 และลดลงจาก 4.9% ในเดือนกุมภาพันธ์ และต่ำกว่าที่ 3% ที่นักวิเคราะห์คาด
นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานได้รายงานการยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้วว่า เพิ่มขึ้นสู่ 239,000 ราย จาก 228,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้า และสูงกว่า 232,000 รายที่นักวิเคราะห์คาด
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีลดลงมาที่ 3.40% อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 2 ปีลดลงมาที่ 3.97%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งถูกเทขายในช่วงที่เงินเฟ้อสูง ปรับตัวขึ้นนำตลาด โดยหุ้นอะเมซอน เพิ่มขึ้น 4.7% หุ้นแอปเปิ้ล เพิ่มขึ้น 3.41% หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ เพิ่มขึ้น 2.7% หุ้นอัลฟาเบท เพิ่มขึ้น 3% หุ้นไมโครซอฟต์เพิ่มขึ้น 2.2%
คริสโตเฟอร์ โลว์จาก FHN Financial กล่าวว่า รายงานดัชนี PPI จะยิ่งเข้าทางเฟดซึ่งมีท่าทีที่จะระงับการขึ้นดอกเบี้ยอยู่แล้ว อีกทั้งรายงานดัชนี CPI วันก่อนหน้าก็แสดงให้เห็นว่าไม่มีแรงกดดันเงินเฟ้อใหม่
ในวันพุธกระทรวงแรงงานรายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงานในเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้น 5.0% เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่า 5.1% ที่นักวิเคราะห์คาด และลดลงจาก 6.0% ในเดือนกุมภาพันธ์
นอกจากนี้รายงานการประชุมของเฟดเดือนมีนาคมแสดงให้เห็นว่า ผู้กำหนดนโยบายของเฟดหลายรายพิจารณาที่จะระงับการขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังธนาคารระดับภูมิภาค 2 แห่งล้มละลาย แต่ในที่สุดก็มีมติให้ขึ้นดอกเบี้ย 0.25%
ไรส์ วิลเลียมส์จาก Spouting Rock Asset Management กล่าวว่า นักลงทุนคาดว่าเฟดอาจจะไม่จำเป็นต้องปรับดอกเบี้ย ในการประชุมวันที่ 2-3 พฤษภาคม
FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ขณะนี้ นักลงทุนให้น้ำหนัก 1 ใน 3 ที่เฟดจะระงับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 4.75% & 5.00%
ด้านเมแกน โฮร์เนแมนจาก Verdence Capital Advisors กล่าวว่า แม้หลายคนคาดว่าเฟดอาจจะสามารถลดดอกเบี้ยได้หลังจากตลาดรับรู้ข้อมูลแล้ว แต่ก็ไม่คิดว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยลงได้ แต่จะคงดอกเบี้ยไว้นานกว่าที่ตลาดคาด เพราะเงินเฟ้อยังไม่ลดลงมาก
หลังคลายกังวลเงินเฟ้อนักลงทุนหันไปจับตา ผลประกอบการไตรมาสแรกของธนาคารใหญ่ 3 รายคือ เจพีมอร์แกน เวลลส์ ฟาร์โก และซิตี้กรุ๊ป จะเปิดเผยผลการดำเนินงานในวันศุกร์ รวมทั้งการให้ความเห็นของผู้บริหารเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก และปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากเมื่อวาน นำโดยหุ้นกลุ่มสินค้าในครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น 2.3% ด้วยความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังการเงินเฟ้อสหรัฐเดือนมีนาคมอ่อนตัวลงและต่ำกว่าคาด
อังกฤษรายงานการเติบโตทางเศรษฐกิจเดือนกุมภาพันธ์ที่ทรงตัว ต่างจากการขยายตัว 0.1% ที่นักวิเคราะห์คาด
หลุยส์วิตตอง (LVMH) เพิ่มขึ้น 5.7% และนำตลาดหลังยอดขายไตรมาสแรกเพิ่มขึ้น 17%
ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 464.21 จุด เพิ่มขึ้น 1.83 จุด, +0.40%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,843.38 จุด เพิ่มขึ้น 18.54 จุด, +0.24%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,480.83 จุด เพิ่มขึ้น 83.89 จุด, +1.13%,
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,729.46 จุด เพิ่มขึ้น 25.86 จุด, +0.16%
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม ลดลง 1.1 ดอลลาร์ หรือ 1.32% ปิดที่ 82.16 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน ลดลง 1.24 ดอลลาร์ หรือ 1.42% ปิดที่ 86.09 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล