HoonSmart.com>>หุ้นกลุ่มหลักทรัพย์ขยับขึ้นทั่วหน้า-เทรดคึกคัก นำโดย FSS-GBX-TNITY-UOBKH-BYD เก็งกำไร กระแสข่าวสะพัดเลื่อนเวลาเก็บภาษีขายหุ้น ขยายเวลาเทรดให้นานขึ้น ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยันยังไม่มีการเปลี่ยนเวลาในช่วงนี้ ยอมรับปี66 มีแผนศึกษาและทบทวนความเหมาะสม ดัชนีหุ้นบวก 14 จุดหรือ 0.85% สถาบันไทยกลับมาซื้อ ลุ้นเฟดชะลอขึ้นดอกเบี้ย เศรษฐกิจจีนดีขึ้น
แหล่งข่าวจากวงการโบรกเกอร์ เปิดเผยว่า ราคาหุ้นในกลุ่มหลักทรัพย์ ปรับตัวขึ้นแรง ด้วยวอลุ่มที่เข้ามาอย่างคึกคัก คาดว่าจะเข้ามาเล่นเก็งกำไร หลังจากที่มีกระแสข่าวลือว่า การเก็บภาษีขายหุ้น ซึ่งเดิมคาดว่าจะใช้ในเดือนเม.ย.นี้ อาจจะไม่ได้ใช้ในรัฐบาลนี้ เนื่องจากจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น และจะมีการขยายเวลาซื้อขายหุ้นให้นานขึ้น ส่งผลให้ผลการดำเนินงานของบริษัทหลักทรัพย์ดีขึ้นในปี 2566
ทั้งนี้ ครม.เห็นชอบจัดเก็บภาษีขายหุ้นในอัตรา 0.11% ของมูลค่าหุ้นที่ขาย (รวมภาษีท้องถิ่นไปแล้ว) แต่ช่วงแรกจะจัดเก็บครึ่งหนึ่ง คือจัดเก็บในอัตรา 0.055% (รวมภาษีท้องถิ่นไปแล้ว) คาดว่าจะทำให้สภาพคล่องในการซื้อขายลดลง
ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ชี้แจงว่าในปัจจุบันยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงเวลาการซื้อขายแต่อย่างใด อย่างไรก็ดี ตามแผนงานปี 2566 ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีแผนที่จะทำการศึกษาและทบทวนความเหมาะสมของเวลาการซื้อขายโดยจะมีการหารือกับผู้เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมต่อไป
ด้านตลาดหุ้นวันที่ 1 ก.พ. 2566 ดัชนีปรับตัวขึ้นแรง ปิดที่1,685.75 จุด เพิ่มขึ้น 14.29 จุด หรือ +0.85% มูลค่าซื้อขาย 63.790.96 ล้านบาท เกิดจากแรงซื้อของสถาบันไทย 1,337.18 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนไทยขาย 1,176.11 ล้านบาท ต่างชาติขาย 191.91 ล้านบาท
ตลาดปรับตัวขึ้นมาก เกิดจากนักลงทุนมั่นใจว่าเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย รอบการประชุมนี้ เพียง 0.25% ส่งสัญญาณชะลอการคุมเข้มนโยบายการเงิน เพื่อไม่ให้เศรษฐกิจสหรัฐถดถอย ขณะเดียวกันเศรษฐกิจจีนดีขึ้น มีการปรับเพิ่มคาดการณ์ปี 2566 สู่การเติบโตระดับ 5.3% (เดิม 4.8%) บล.โนมูระ พัฒนสิน คาดบวกต่อหุ้นกลุ่ม China Reopening Plays ระยะสั้นเน้น AAV, AOT, ERW , AMATA, AP, CRC, CPALL, SAPPE, ADVANC, DTAC, BBL, SCGP, PTTGC
น.ส.ชุติกาญจน์ สันติเมธวิรุฬ ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นวันนี้ปรับตัวขึ้นได้สดใส ได้ Sentiment บวกจากต่างประเทศ กำไรบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐสดใส และมองการประชุมเฟด จะไม่เร่งขึ้นดอกเบี้ย โดยการประชุมรอบนี้คาดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% แต่จะต้องรอดูการส่งสัญญาณจากประธานเฟดจะออกมาเป็นอย่างไร
ส่วนในประเทศมองภาพเศรษฐกิจที่ยังฟื้นตัวได้ต่อ จากที่แบงก์ชาติรายงานตัวเลขเศรษฐกิจ ได้แรงหนุนกลุ่มท่องเที่ยว และการบริโภค อีกทั้งมาตรการต่าง ๆ ของภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มค่าแรงงาน และมาตรการ EV ต่างช่วยหนุน และทำให้เกิดแรงเก็งกำไรหุ้นขนาดใหญ่ หุ้นเกี่ยวกับการจับจ่ายใช้สอยอีกรอบ รวมถึงได้แรงหนุนจากหุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะตัวด้วย