AURA ผนึกพันธมิตรรุกขายฝากทอง ปั้นพอร์ต 3.7 พันล.ปี 67-กำไรดี14%

HoonSmart.com>> AURORA ลุยธุรกิจขายฝากทองและอัญมณีมีค่า แบรนด์ “ทองมาเงินไป” จับมือพันธมิตร CJ และ Line BK ขยายฐานลูกค้า ปั้นพอร์ตลูกหนี้ขายฝากจาก 1,900 ล้านบาทปี 65 เพิ่มเป็น 2,800 ล้านบาท และ 3,700 ล้านบาทในปี 66 และ 67 ตามลำดับ เผยอัตรากำไร 13-14%ต่อปี เร่งขยายสาขาจาก 266 สาขาในปัจจุบัน เป็น 409 สาขาในปี 67

นายอนิพัทย์ ศรีรุ่งธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด บริษัท ออโรร่า ดีไซน์ จำกัด AURORA (ชื่อหุ้น:AURA) เปิดเผยว่า การดำเนินธุรกิจของ AURORA แบ่งเป็น  2 กลุ่มหลัก ประกอบด้วย 1. ธุรกิจค้าปลีกทองรูปพรรณ เครื่องประดับ, ของขวัญที่ทำมาจากทองคำและเครื่องประดับเพชร ยอดขายประมาณปีละ 2-3 หมื่นล้านบาท อัตรากำไร 2-4% โดยยอดขายมีการขยายตัวประมาณปีละ 10%

2. ธุรกิจขายฝากทองรูปพรรณ และเครื่องประดับที่มีทองคำและเพชรเป็นส่วนประกอบ (ธุรกิจขายฝาก) แบรนด์ “ทองมาเงินไป” อัตรากำไรประมาณ 13-14%ต่อปี ในปี 65-67 บริษัทวางเป้าหมายมูลค่าพอร์ตลูกหนี้ขายฝากเท่ากับ 1,900, 2,800 และ 3,700 ล้านบาทตามลำดับ

ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ 5 แบรนด์ ได้แก่ AURORA, เซ่งเฮง, ทองมาเงินไป, ของขวัญ by AURORA และ AURORA Diamond ปัจจุบันมีสาขาจำนวน 266 สาขา แบ่งเป็นกรุงเทพฯและปริมณฑล 146 สาขา และในต่างจังหวัด 120 สาขา มีแผนขยายสาขาเป็น 409 สาขา ภายในปี 67 เพื่อให้เข้าถึงลูกค้าทุกกลุ่มในทุกจังหวัดทั่วประเทศ

ผลการดำเนินงาน AURA ไตรมาส 3/65 มีกำไรสุทธิ 113 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.11 บาท เทียบกับไตรมาส 3/64 มีกำไรสุทธิ 100 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.10 บาท งวด 9 เดือนปี 65 มีกำไรสุทธิ 496 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.50 บาท เทียบกับงวด 9 เดือนปี 64 มีกำไรสุทธิ 360 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.36 บาท โดยผลงานปี 64 และ 63 มีกำไรสุทธิ 586 ล้านบาท และ 737 ล้านบาทตามลำดับ

นายอนิพัทย์ เปิดเผยว่าผลงานในงวด 9 ปี 65 ที่มีกำไรสุทธิ 495 ล้านบาท เป็นกำไรที่มาจากธุรกิจขายฝากทองประมาณ 150 ล้านบาท และสัดส่วนกำไรจากธุรกิจนี้จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตามการเร่งขยายสาขาของบริษัทในช่วง 2 ปีจากนี้

ธุรกิจขายฝากทองคำ ปกติเป็นบริการที่สอดแทรกอยู่ในทุกร้านทอง โดย AURORA เป็นเจ้าแรกที่มุ่งเน้นพัฒนาต่อยอดอย่างจริงจัง โดยเริ่มเปิดสาขาตามแหล่งชุมชนต่าง ๆ เป็นครั้งแรกในปี 62 ภายใต้แบรนด์ “ทองมาเงินไป” เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายมากขึ้น

แบรนด์ “ทองมาเงินไป” เกิดจากแนวคิดที่ต้องการช่วยเหลือลูกค้าให้เข้าถึงแหล่งเงินได้ง่าย ในอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสมอย่างถูกกฎหมาย และสะดวกยิ่งขึ้น ซึ่งจากการเปิดให้บริการมากว่า 3 ปี เห็นได้ชัดว่าบริการนี้มีแนวโน้มที่ดี รายได้เติบโตไม่ต่ำกว่าปีละ 45% และมียอดผู้ใช้บริการมากกว่า 1.3 แสนคน

บริการขายฝาก “ทองมาเงินไป” เป็นทางออกให้กับกลุ่มคนที่มีปัญหาทางการเงิน ด้วยจุดเด่นกับแนวคิดในการให้บริการที่ชัดเจน ได้แก่ 1.ให้วงเงินสูง 2. ไม่ต้องมีคนค้ำ รับเงินสดได้ทันที 3. ดอกเบี้ยต่ำ 1.25% ต่อเดือน (ระยะเวลาสัญญา 60 วัน และต่อตั๋วขายฝากผ่านแอปได้) 4. มีสาขาให้บริการมากกว่า 200 สาขาทั่วประเทศ

บริษัทได้พัฒนาแอปพลิเคชัน “ทองมาเงินไป” ให้เป็นช่องทางใหม่ในการรับบริการชำระดอกเบี้ย, เช็คสถานะสัญญาขายฝากทองได้ทุกที่และทุกเวลา, ชำระอัตราดอกเบี้ยเพื่อต่อสัญญา, เช็คราคารับขายฝากทองแบบเรียลไทม์, ค้นหาห้างเพชรทองออโรร่า และทองมาเงินไปสาขาใกล้เคียง รวมถึงแจ้งเตือนลูกค้าสำหรับสัญญาที่จะหมดอายุ เพื่อป้องกันทรัพย์สินหลุดขายฝาก (Notification Alert) ซึ่งเป็นบริการที่ทำให้การขายฝากทองคำง่ายและสะดวกขึ้น ลูกค้าสามารถชำระดอกเบี้ยได้โดยไม่ต้องมาที่สาขา

นายอนิพัทย์ กล่าวว่า กลยุทธ์สำคัญที่ทำให้แบรนด์ “ทองมาเงินไป” เติบโตอย่างก้าวกระโดดคือ การมีพันธมิตรที่แข็งแกร่ง บริษัทได้ร่วมกับร้าน CJ MORE พัฒนาโมเดลการขยายธุรกิจ เพื่อสนับสนุนการขยายสาขาของบริษัท, ร่วมกับธนาคารกสิกรไทยพัฒนาเทคโนโลยีการชำระเงิน และร่วมกับ LINE BK ออกโปรโมชั่นส่งมอบความพิเศษให้กับผู้ใช้งาน LINE BK (ประมาณ 5 ล้านราย) ผ่านทาง LINE Official Account โดยเมื่อผู้ใช้งานได้รับข้อความ และเข้าใช้บริการขายฝากทองคำที่ห้างเพชรทองออโรร่าในห้างทุกสาขา หรือร้านทองมาเงินไปในชุมชนใกล้บ้าน ภายใน 120 วัน จะได้รับวงเงินพิเศษเพิ่ม 2% จากราคาขายฝาก  เริ่มตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 ต.ค.66 ปัจจุบันได้ผลตอบรับที่ดี มีกลุ่มลูกค้าของ LINE BK ให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ “ทองมาเงินไป” ยังอยู่ในช่วงการเจรจากับพันธมิตรรายอื่น ๆ เพื่อหาแนวทางร่วมธุรกิจ โดยมีโจทย์เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้า

กลุ่มลูกค้าหลักของ “ทองมาเงินไป” ส่วนใหญ่จะเป็นเพศหญิง และกว่า 90% เป็นกลุ่มคนวัยทำงาน อายุระหว่าง 28-45 ปี มีอาชีพรับจ้างทั่วไป พ่อค้าแม่ค้า อาชีพอิสระ ส่วนที่เหลือเป็นกลุ่มพนักงานหรือลูกจ้างเอกชนที่มีทรัพย์เป็นทองคำ และต้องการเปลี่ยนทองคำเป็นเงินสด เพื่อเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินชั่วคราว หรือต่อยอดธุรกิจ โดยลูกค้าเข้ามาใช้บริการสูงสุดในช่วงเดือนมีนาคม – พฤษภาคม และตุลาคม เนื่องจากเป็นช่วงเปิดเทอมใหม่ ซึ่งผู้ปกครองมีความต้องการใช้เงิน และพบข้อมูลที่น่าสนใจระบุว่า กลุ่มลูกค้าขายฝากที่ทำธุรกรรมผ่านแอปพลิเคชันจะมีรอบการต่อดอกเบี้ยยาวนานที่สุด ถือเป็นจุดเด่นและข้อได้เปรียบของบริษัทที่จะนำไปพัฒนาบริการ เพื่อเสนอบริการอื่น ๆ ให้กับกลุ่มลูกค้านี้ได้อีกในอนาคต

 

#Aurora #AURA #ทองมาเงินไป #CJ #LineBK