HoonSmart.com>>”ปตท.” เผยไตรมาส 3/65 กำไรเพียง 8,884 ล้านบาท ทรุดหนัก 62% รวม 9 เดือนแรกร่วง 9% เจอขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์ ภาษีเงินได้ และขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เพิ่มขึ้น บริษัทในเครือขาดทุนสต็อกน้ำมัน
บริษัทปตท. (PTT) เปิดเผยผลงานงวดไตรมาสที่ 3/2565 มีกำไรสุทธิเพียง 8,884 ล้านบาทหรือ 0.31 บาทต่อหุ้น ร่วงลงจำนวน 14,769 ล้านบาทหรือประมาณ 62% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิ 23,653 ล้านบาทหรือ 0.82 บาทต่อหุ้น โดยรวม 9 เดือนปีนี้กำไรทั้งสิ้น 73,303 ล้านบาทหรือ 2.57 บาทต่อหุ้น ลดลงจำนวน 7,516 ล้านบาทหรือ 9.30% จากกำไรจำนวน 80,819 ล้านบาทหรือ 2.82 บาทต่อหุ้นในช่วงเดียวกันปีก่อน
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. (PTT) เปิดเผยในงวด 9 เดือนแรกของปี 2565 บริษัทมีรายได้ 2,570,029 ล้านบาทและมีกำไรสุทธิลดลง 9% เนื่องจากขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์ ภาษีเงินได้ และขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เพิ่มขึ้น
สำหรับกำไรสุทธิจำนวน 73,303 ล้านบาท มาจากผลการดำเนินงานของ ปตท. คิดเป็น 13% ซึ่งลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ที่ต้นทุนราคาก๊าซธรรมชาติปรับสูงขึ้นมาก และอีก 87% มาจากผลการดำเนินงานของบริษัทในเครือ ปตท. ซึ่งประกอบด้วยธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม 49% ธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐานและบริษัทย่อยอื่นๆ 24% ธุรกิจน้ำมันและค้าปลีก 11% สำหรับธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นมีสัดส่วนเพียง 3% โดยผลการดำเนินงานได้รับผลกระทบจากขาดทุนสต็อกน้ำมันที่เพิ่มขึ้นมากตามทิศทางราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงตามความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 15 ก.ย. 2565 ที่ผ่านมา คณะกรรมการ ปตท. มีมติอนุมัติการจ่ายปันผลระหว่างกาลส่งผลให้กระทรวงการคลังในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่และกองทุนวายุภักษ์จะได้รับเงินปันผลรวมประมาณ 23,494ล้านบาท และเมื่อรวมกับภาษีเงินได้นิติบุคคลของ ปตท. และบริษัทในเครือ (9 เดือนแรกของปี 2565) อีกประมาณ 40,967 ล้านบาท รวมกลุ่ม ปตท. นำส่งรายได้เข้ารัฐปี 2565 แล้ว 64,461 ล้านบาท
ทั้งนี้ กำไรของ ปตท. ภายหลังการจ่ายเงินปันผลให้แก่รัฐและผู้ถือหุ้น จะนำไปลงทุนเพิ่มเติมในโครงการต่างๆ ที่สำคัญ รวมถึงสนับสนุนการดำเนินงานด้านกิจการเพื่อสังคม โดยในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 และสถานการณ์ราคาพลังงานปรับตัวสูง (ปี 2564 – 2565) ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ปตท. ร่วมแบ่งเบาภาระต้นทุนค่าครองชีพด้านพลังงานกว่า 23,800 ล้านบาท รวมทั้งดูแลสังคมจัดตั้งโครงการลมหายใจเดียวกัน กลุ่ม ปตท. ให้บริการตรวจคัดกรองเชื้อโควิดรวมงบประมาณ 1,046 ล้านบาท โครงการลมหายใจเพื่อน้อง ช่วยเหลือเยาวชนกว่า 60,000 คน ที่เสี่ยงต่อการหลุดจากระบบการศึกษาและจัดตั้งกองทุน จำนวน 171 ล้านบาท และโครงการลมหายใจเพื่อเมือง สนับสนุนเป้าหมายของกรุงเทพมหานคร ในการปลูกต้นไม้เพิ่มพื้นที่สีเขียว
นอกจากนั้น ปตท. ยังได้ประกาศเจตนารมณ์มุ่งสู่เป้าหมาย Carbon Neutrality ในปี ค.ศ. 2040 และเป้าหมาย Net Zero Emissions ในปี ค.ศ. 2050 พร้อมกันนี้ กลุ่ม ปตท. ยังมุ่งปลูกป่าเพิ่มเติมรวม 2 ล้านไร่ ภายในปี ค.ศ. 2030 แบ่งเป็นการดำเนินการโดย ปตท. 1 ล้านไร่ และความร่วมมือบริษัทในกลุ่ม ปตท. อีก 1 ล้านไร่ สร้างคุณค่าด้านสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจชุมชน นำมาซึ่งคุณภาพชีวิตที่ดีของคนไทยอย่างต่อเนื่อง