HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นปิดลบ 4.51 จุด ตลาดโดยรวมดูแข็งแกร่งกว่าตลาดต่างประเทศที่ต่างติดลบหลังเงินเฟ้อสหรัฐสูงเกินคาด-กังวลเฟดจะเร่งขึ้นดอกเบี้ย นักลงทุนสถาบันในประเทศขายสุทธิ 2,752.28 ล้านบาท ด้านนักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 3,008.69 ล้านบาท ส่วนแนวโน้มวันพรุ่งนี้แกว่งไซด์เวย์ แนวรับ 1,644 แนวต้าน 1,666 จุด
ตลาดหลักทรัพย์วันที่ 14 ก.ย.2565 ดัชนีปิดที่ระดับ 1,656.58 จุด ลดลง 4.51 จุด หรือ -0.27% มูลค่าซื้อขาย 72,610.35 ล้านบาท โดยดัชนีแตะสูงสุด 1,660.42 จุด ต่ำสุด 1,642.53 จุด
นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 1,223.71 ล้านบาท และบัญชีหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 967.31 ล้านบาท ด้านนักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 3,008.69 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันในประเทศขายสุทธิ 2,752.28 ล้านบาท
นายสรพล วีระเมธีกุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้แข็งแกร่งกว่าตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียติดลบราว 1-1.5% เช่นเดียวกับตลาดในยุโรปที่เทรดบ่ายนี้ติดลบราว 1% หลังจากเงินเฟ้อเดือนส.ค.ของสหรัฐสูงกว่าคาด ทำให้วิตกการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยตลาดได้แรงดันจากหุ้น DELTA ด้วย
นอกจากนี้ มีมุมมองบวกต่อหุ้นไทยจากการเปิดเมือง เปิดประเทศ และโอกาสที่จะเกิดเศรษฐกิจถดถอยต่ำกว่าสหรัฐฯ และยุโรป รวมถึงนักวิเคราะห์มีการอัพเกรด EPS ทำให้หุ้นมี Upside อย่างไรก็ดี ให้ติดตามดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI)ของสหรัฐ และติดตามยอดค้าปลีกสหรัฐฯด้วย
ด้านกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ไปจนถึงวันที่ 21 ก.ย.ซึ่งเป็นวันประชุมเฟด ตลาดคงจะไม่ไปไหนไกล เนื่องจากมีการให้น้ำหนัก 30% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายถึง 1% ดังนั้นกลยุทธ์หากดัชนีฯปรับตัวลงมาแถว 1,616, 1,644 ให้ทยอยซื้อ แต่หากปรับตัวตัวขึ้นก็ให้ขายทำกำไรออกมา โดยแนะนำหุ้นในกลุ่ม Domestic อย่างเช่น หุ้น PLANB, CK, SCB เป็นต้น และหุ้นที่ควรหลีกเลี่ยงก่อนเป็นกลุ่ม Global อย่างหุ้นในกลุมพลังงาน, ปิโตรเคมี และโรงกลั่น
ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นในวันที่ 15 ก.ย.2565 ตลาดคงจะแกว่งไซด์เวย์ โดยมีแนวรับ 1,644 จุด แนวต้าน 1,666 จุด
5 อันดับหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่
DELTA ปิดที่ 622.00 บาท เพิ่มขึ้น 10.00 บาท หรือ +1.63% มูลค่าซื้อขาย 4,892.78 ล้านบาท
TLI ปิดที่ 16.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท หรือ +2.52% มูลค่าซื้อขาย 3,481.32 ล้านบาท
SCC ปิดที่ 346.00 บาท ลดลง 8.00 บาท หรือ -2.26%% มูลค่าซื้อขาย 3,319.76 ล้านบาท
CH ปิดที่ 5.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.72 บาท หรือ -14.75% มูลค่าซื้อขาย 2,330.85 ล้านบาท
KBANK ปิดที่ 150.00 บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ -0.66% มูลค่าซื้อขาย 1,845.82 ล้านบาท