HoonSmart.com>> ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์สนามบินการบินกรุงเทพ (BAREIT) ตอกย้ำศักยภาพทรัพย์สินสนามบินสมุย เกตเวย์สู่แหล่งท่องเที่ยวเวิลด์คลาสของนักท่องเที่ยวทั่วโลก มูลค่ารวมทั้งสิ้นไม่เกิน 14,300 ล้านบาท เปิดจองซื้อ 22-26 ส.ค.นี้ ราคา 10 บาท/หน่วย ผ่านธนาคารกสิกรไทยและผู้ร่วมจัดจำหน่าย ประมาณการอัตราผลตอบแทนปีแรก 8.09-8.95% ด้าน “ธนาคารกสิกรไทย” ชูทางเลือกลงทุน ผลตอบแทนสม่ำเสมอสู้เงินเฟ้อ
นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินกรุงเทพ (BA) กล่าวว่า หลังจากการคลี่คลายของการแพร่ระบาดของโควิด-19 มีการเปิดประเทศเต็มรูปแบบ ภาพรวมการท่องเที่ยวในพื้นที่เกาะสมุยทยอยฟื้นตัว โดยในช่วงครึ่งปีแรกทั้งจำนวนเที่ยวบินและผู้โดยสารของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส เพิ่มขึ้นกลับมากว่า 30% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิด-19 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2566 คาดว่าจะกลับมาได้กว่า 80% ซึ่งจะส่งผลให้สนามบินสมุยมีความคึกคักและสร้างรายได้ที่มั่นคงให้แก่นักลงทุน
นอกจากนี้นายพุฒิพงศ์ ในฐานะเจ้าของทรัพย์สิน (Sponsor) เปิดเผยว่า สนามบินสมุยตั้งอยู่ในทำเลยุทธศาสตร์ที่สำคัญของการท่องเที่ยว และเป็นเกตเวย์หรือประตูสู่ประเทศไทยที่เชื่อมต่อการเดินทางไปยังเมืองสำคัญในภูมิภาคได้อย่างสะดวก โดยเปิดดำเนินการในปี 2532 และเป็นสนามบินนานาชาติ มีการออกแบบที่เน้นสิ่งแวดล้อมและกลมกลืนกับธรรมชาติ สไตล์รีสอร์ต (Resort Style Airport) จึงได้รับรางวัลต่าง ๆ มากมาย รวมถึงเคยคว้ารางวัลสนามบินขนาดเล็กที่ตรงเวลาที่สุดในโลก สนามบินสมุยสามารถให้บริการแก่ผู้โดยสารประมาณ 6 ล้านคนต่อปี และใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพฯ ไม่เกิน 1 ชั่วโมง จึงได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางมายังสมุย
นางสาวลีฬภัทร ลีฬหวณิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงเทพ รีทแมเนจเมนท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ เปิดเผยว่า ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์สนามบินการบินกรุงเทพ (BA Airport Leasehold Real Estate Investment Trust) หรือ BAREIT มีนโยบายเข้าลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ที่ใช้ในการดำเนินกิจการสนามบินสมุย ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่มีศักยภาพเติบโตสูง โดยเกาะสมุยเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศไทย สนามบินสมุยจึงเป็นประตูที่รับนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวเกาะสมุยและหมู่เกาะใกล้เคียง และสามารถสร้างรายได้ตามการเติบโตของนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี เรียกได้ว่าสนามบินสมุยเป็นเกตเวย์ที่สำคัญสู่แหล่งท่องเที่ยวระดับเวิลด์คลาส โดยในช่วง 10 ปีย้อนหลัง (ปี 2553 -2562) สนามบินสมุยรองรับนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าออกรวมกว่า 2.6 ล้านคนต่อปี และมีเที่ยวบินรวมกว่า 30,000 เที่ยวบินต่อปี
สำหรับการลงทุนของกองทรัสต์ดังกล่าว มีมูลค่าทั้งสิ้นไม่เกิน 14,300 ล้านบาท โดยจะมาจากการระดมทุนโดยการเสนอขายหน่วยทรัสต์จำนวนไม่เกิน 10,330 ล้านบาท และเงินกู้ยืมระยะยาวไม่เกิน 5,060 ล้านบาท
กองทรัสต์จะมีรายได้จากการให้เช่าช่วงทรัพย์สินแก่บริษัทกรุงเทพบริหารสนามบิน ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บริษัท การบินกรุงเทพ เป็นผู้บริหารสนามบิน จึงมั่นใจได้ว่าทรัพย์สินดังกล่าวจะมีการบริหารจัดการที่ดี และจัดหารายได้จากผู้เช่าที่มีศักยภาพ ซึ่งจะส่งผลให้กองทรัสต์มีรายได้ที่สม่ำเสมอตลอดระยะเวลา 25 ปี ภายใต้เงื่อนไขที่สามารถปรับขึ้นค่าเช่าประมาณปีละ 2% โดยประมาณการอัตราผลตอบแทนที่จ่ายให้แก่ผู้ถือหน่วยถึงปีละ 4 ครั้ง และสำหรับช่วงปีแรกคาดว่าจะจ่ายผลตอบแทนประมาณ 8.09-8.95% ต่อปี ซึ่งถือว่าเป็นกองทรัสต์ที่ให้อัตราผลตอบแทนที่น่าสนใจกองหนึ่งในกลุ่มกองทรัสต์ในตลาด
“ในอนาคตกองทรัสต์ BAREIT อาจนำสินทรัพย์ของสนามบินสุโขทัยและสนามบินตราด เพิ่มเข้ามาในกองได้ แต่ต้องดูศักยภาพของสินทรัพย์และพัฒนาให้มีรายได้มั่นคง”นางสาวลีฬภัทร กล่าว
นายสาวิตร ศรีศรันยพงศ์ ผู้บริหารกลุ่มธุรกิจวาณิชธนกิจ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่าย กล่าวว่า BAREIT นับเป็นกองทรัสต์กองแรกที่ลงทุนในสิทธิการเช่าสนามบินในประเทศไทย จากการสำรวจความต้องการจองซื้อของกองทรัสต์ BAREIT ในช่วงที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนทุกกลุ่ม ด้วยจุดเด่นในเรื่องของสินทรัพย์ที่แตกต่างจากกองทรัสต์อื่น ๆ ในประเทศไทย ประกอบกับมีรายได้ที่มั่นคงจากการให้เช่าช่วงสนามบินสมุยแก่บริษัทย่อยของ บริษัท การบินกรุงเทพ ซึ่งเป็นผู้บริหารสนามบิน ทำให้มั่นใจได้ว่ากองทรัสต์จะมีรายได้ที่สม่ำเสมอจากการบริหารงานของสนามบิน
คาดว่าการเสนอขายหน่วยทรัสต์ในครั้งนี้ จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนที่ต้องการรับผลตอบแทนที่สม่ำเสมอจากการจ่ายประโยชน์ตอบแทนให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ โดยพร้อมเปิดให้นักลงทุนจองซื้อหน่วยทรัสต์ในวันที่ 22-26 สิงหาคม 2565 ที่ราคาหน่วยละ 10 บาท จองซื้อขั้นต่ำเพียง 10,000 บาท นักลงทุนที่สนใจสามารถจองซื้อผ่านธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารกรุงไทย, บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และคาดว่าจะนำหน่วยทรัสต์เข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายในเดือนก.ย.นี้ ทั้งนี้ ผู้สนใจลงทุนสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
https//market.sec.or.th/public/ipos/IPOSEQ01.aspx?TransID=420284&lang=th หรือ www.bareit.co.th
*หมายเหตุ: อ้างอิงประมาณการอัตราเงินจ่ายประโยชน์ตอบแทนของกองทรัสต์สำหรับช่วงเวลาประมาณการตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม ถึง 31 กรกฎาคม 2566 สำหรับช่วงมูลค่าทรัพย์สินที่กองทรัสต์จะเข้าลงทุนซึ่งแสดงไว้ในหนังสือชี้ชวน