กลุ่ม KTIS ชี้โครงการผลิตก๊าซชีวภาพจากน้ำเสียของโรงงานผลิตเอทานอล คว้ารางวัล Thailand Energy Awards 2018 ช่วยลดต้นทุนของโรงงานเอทานอลได้มากกว่า 48 ล้านบาทต่อปี ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ปีละ 60,000 T Co2 equivalent หวังเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน
นายประพันธ์ ศิริวิริยะกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น (KTIS) ผู้นำในอุตสาหกรรมน้ำตาลและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัท และคณะผู้บริหารกลุ่ม KTIS ตระหนักดีถึงความสำคัญในการกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ โดยไม่ได้พึ่งพารายได้จากการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายเท่านั้น แต่ยังมีธุรกิจต่อเนื่องอย่างการผลิตเอทานอล เยื่อกระดาษชานอ้อย บรรจุภัณฑ์ชานอ้อย โรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงชีวมวล และก๊าซชีวภาพ อีกด้วย อันเป็นที่มาของคำว่า KTIS More Than Sugar ซึ่งได้ออกแบบกระบวนการผลิตให้สามารถใช้ทรัพยากรในกลุ่มร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และลดของเสียเป็นศูนย์ (Zero Waste) เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดี
นอกจากนี้ กลุ่ม KTIS ยังมีการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อควบคุมและลดต้นทุนการผลิตในทุกๆ สายธุรกิจให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ตามนโยบายที่ต้องการให้กลุ่ม KTIS เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยสายธุรกิจผลิตและจำหน่ายเอทานอล ซึ่งอยู่ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท เคทิส ไบโอเอทานอล จำกัด เป็นตัวอย่างหนึ่งของการนำของเสียมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ลดปัญหาสิ่งแวดล้อมและยังช่วยทำให้บริษัทมีผลกำไรเพิ่มขึ้นด้วย
นายประพันธ์ กล่าวว่า บริษัท เคทิส ไบโอเอทานอล ได้จัดทำโครงการผลิตก๊าซชีวภาพจากน้ำเสีย โดยนำน้ำเสียที่เกิดจากกระบวนการผลิตเอทานอลมาผลิตก๊าซชีวภาพที่สามารถนำไปผลิตไอน้ำและไฟฟ้า เพื่อเป็นพลังงานในกระบวนการผลิตเอทานอลในรูปแบบพลังงานความร้อนร่วม ซึ่งนอกจากจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการน้ำเสียแล้ว การใช้ก๊าซชีวภาพทดแทนถ่านหินในการผลิตพลังงานไอน้ำและไฟฟ้ายังช่วยลดต้นทุนการผลิตเอทานอลได้อย่างมากด้วย
“โครงการผลิตก๊าซชีวภาพจากน้ำเสียนี้ ได้รับรางวัล Thailand Energy Awards 2018 ประเภทรางวัลดีเด่นด้านพลังงานทดแทน จากกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) กระทรวงพลังงาน ด้วยมูลค่าการลงทุนรวมประมาณ 117 ล้านบาท สามารถลดต้นทุนได้มากกว่า 48 ล้านบาทต่อปี ดังนั้น เพียง 2 ปีเศษก็คืนทุนแล้ว ถือว่าคุ้มค่ามาก และยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ประมาณปีละ 60,000 T Co2 equivalent ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมโลกด้วย” นายประพันธ์กล่าว