HoonSmart.com>> “อินโดรามา เวนเจอร์ส” เปิดกำไรไตรมาส 2/65 อยู่ที่ 20,278 ล้านบาท เติบโต 143% รายได้เพิ่มขึ้นทุกธุรกิจ หนุน 6 เดือน กำไร 3.4 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 139%
บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL) เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2565 กำไรสุทธิ 20,277.88 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 3.58 บาท เพิ่มขึ้น 143% จากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 8,339.62 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.45 บาท
ส่วนงวด 6 เดือน ปี 2565 กำไรสุทธิ 34,347.78 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 6.05 บาท เพิ่มขึ้น 139.4% จากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 14,348.42 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 2.49 บาท
ในไตรมาส 2/2565 บริษัทมีรายได้จากการขาย 186,741 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้ 111,301 ล้านบาท มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 262 ล้านบาท และรายได้อื่น 3,976 ล้านบาท
ค่าใช้จ่ายรวม 162,696 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีค่าใช้จ่าย 100,976 ล้านบาท ซึ่งมาจากต้นทุนขายสินค้าที่เพิ่มขึ้นเป็น 144,414 ล้านบาท ต้นทุนการจัดจำหน่ายเพิ่มขึ้นเป็น 10,403 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายในการบริหาร ที่ 7,472 ล้านบาท
บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในผลประกอบการในไตรมาสที่ 2/65 โดยมี Core EBITDA เพิ่มสูงขึ้น 17% เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาสและปริมาณการผลิตเพิ่มสูงขึ้น 1% เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส รายได้ทั้งหมดเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 11% เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส ธุรกิจ CPET เติบโต 13% เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาสสำหรับกิจการเดิม และไตรมาสนี้ได้มีการรวมสองธุรกิจใหม่คือ Oxiteno และ Vietnam Packaging ทำให้รายได้เติบโตเพิ่มอีก 12%
ผลการดำเนินงานในไตรมาสนี้ได้รับประโยชน์จากอัตรากำไรที่สูงขึ้นมากกว่าการถูกหักกลบจากต้นทุนพลังงานและสาธารณูปโภคที่สูงขึ้นในทวีปยุโรปและประเทศสหรัฐอเมริกา ในภาวะถดถอยจะเห็นได้ว่าอำนาจการใช้จ่ายในสินค้าคงทนของผู้บริโภคลดลงซึ่งส่งผลกระทบต่อผลิตภัณฑ์ที่เหลืออยู่อีก 25% อย่างไรก็ตามการเปิดประเทศอีกครั้งของประเทศจีนจะนำมาซึ่งอุปสงค์ที่สำคัญและทำให้บริษัทไม่ได้รับผลกระทบโดยรวม
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ Brent เพิ่มสูงขึ้นและมีจุดสูงสุดที่ 114 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลในไตรมาสที่ 2/2565 และการเก็งกำไรของราคา octane ระหว่างฝั่งตะวันตกและเอเชีย ส่งผลให้ต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้นเกิจริง แต่ทีมผู้บริหารมีความสามารถในการบริหารจดัการต้นทุนที่เพิ่มขึ้นนและราคาพลงังานที่สูงขึ้น และเชื่อว่า ราคาน้ำมันดิบ Brent จะเริ่มกลับมาเป็นปกติต่อจากนี้และมีความจำเป็นที่จะต้องจัดการอย่างรอบคอบในการลดอัตรากำลังการผลิต เพื่อให้เกิดผลขาดทุนจากสินค้าคงเหลือน้อยที่สุด การเก็งกำไรต้นทุน octane จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติในเดือนหน้า ทำให้ราคาวตัถุดิบที่สูงเกินจริงลดต่ำลงในตลาดฝั่งตะวันตก
สำหรับอัตราหนี้สินสุทธิต่อทุน เพิ่มขึ้นจาก 1.03 เท่าในไตรมาสที่ 1/2565 เป็น 1.25 เท่า ในวันที่1 เม.ย.65เนื่องจากบริษัทได้เสร็จสิ้นการเข้าซื้อกิจการ Oxiteno ไตรมาสที่ 2/2565 อัตราส่วนหนีสินต่อทุนลดลงเป็น 1.12 เท่า ด้วย EBITDA และกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้บริษัทมีเป้าหมาย การเพิ่ม EBITDA เป็นสองเท่าทุก ๆ ห้าปี และมีเป้าหมายที่จะรักษาอัตราหนี้สินสุทธิต่อทุนเท่ากับ 1 เท่าโดยอาจมีระดับสูงสุดที่ 1.5 เท่า