HoonSmart.com>>หุ้น KWM พุ่ง 11.54% ผู้บริหารคาดหุ้นขึ้นรับดีลบริษัทใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์จะรับซื้อสารสกัดจากระท่อม และพืชสมุนไพรอื่นด้วย คาดรับซื้อไตรมาส 1/66 บริษัทฯจะขยายสายการผลิตใบผาลสายที่ 3 เพิ่มเป็น 800,000-1,000,000 ใบต่อปี เพียงพอที่จะบุกตลาดต่างประเทศ เล็งตลาดนิวซีแลนด์ ส่วนเป้ารายได้ปี 65 เติบโต 15-20% หลักๆยังมาจากภาคเกษตร ด้านเครื่องสำอาง”SENIIQ”ผสมสารกัญชง กัญชา จะเริ่มวางจำหน่ายในเร็ว ๆ นี้ รับรู้รายได้ทันที รับผลกระทบจากเงินบาทอ่อนค่าไม่มาก เพราะจ่ายค่าเหล็กนำเข้าอิงสกุลเงินหยวน
หุ้น KWM ปิดเทรดเช้าราคาพุ่ง 11.54% มาอยู่ที่ 3.48 บาท เพิ่มขึ้น 0.36 บาท มูลค่าซื้อขาย 376.79 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 3.14 บาท ขึ้นสูงสุด 3.76 บาท และต่ำสุด 3.14 บาท ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากวันก่อนหน้าราคาซิลลิ่ง 30%
นายเอกพันธ์ วนโกสุม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เค.ดับบลิว.เม็ททัล เวิร์ค (KWM) เปิดเผยว่า ราคาหุ้น KWM ปรับตัวขึ้นมากในวันนี้ คาดว่าจะเป็นผลจากที่บริษัทได้ไปร่วมลงทุนด้วยในบริษัท เคดับบลิวเอชบี จำกัด (KWHB) ซึ่ง KWM ถือหุ้นในสัดส่วน 51% และกลุ่มพันธมิตร เพื่อทำธุรกิจสกัดสารจากพืชสมุนไพร โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการยื่นขอใบอนุญาตสร้างโรงงานสกัดสารอยู่ และล่าสุดก็มีบริษัทใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ได้แสดงความต้องการจะรับซื้อสารสกัดจากกระท่อม และจากพืชสมุนไพรอื่นด้วย ซึ่งคาดว่ารับซื้อในไตรมาส 1/66 โดยคาดว่ายอดขายปีแรก (2566) จะมีประมาณ 20 ล้านบาท
“ผมมองกระท่อมมีอนาคตมากกว่ากัญชง กัญชา ที่คนได้ทำการวิจัยมานานแล้ว ซึ่งกัญชง กัญชา ไม่เหมาะกับบ้านเรา ปลูกที่ชื้นจะเกิดเชื้อรา เรารับซื้อดอกก็ยังมีเชื้อรามาด้วย ซึ่งถ้าจะไม่มีเชื้อราก็ต้องปลูกในฟาร์มปิด ส่วนกระท่อมปลูกบ้านเราที่ร้อนชื้นได้ดี เป็นจุดเด่นของกระท่อม ถ้าสกัดกระท่อมมาแทนยาแก้ปวดที่เป็นมอร์ฟีน เราจะใช้ทางการแพทย์มากกว่า ดังนั้นเราจึงผลิตกระท่อม และขายออก ส่วนกัญชง กัญชา ผลิตในฟาร์มปิด จะเอาดอกที่มีคุณภาพมาใช้เป็นส่วนผสมของเครื่องสำอาง”
ประธานกรรมการบริหาร KWM กล่าวต่อว่า ในครึ่งหลังปี 65 ส่วนเครื่องจักรทางการเกษตร บริษัทฯได้ทำใบจักรรุ่นใหม่ออกมา ภายใต้แบรนด์ “Pegasus” เพื่อสนองพืชไร่สับแล้วหมกดินเป็นปุ๋ย จากเดิมที่ปลูกพืชเสร็จเมื่อไม่ต้องการก็จะเผา ตอนนี้จะไม่มีการเผาพืชไร่กันแล้ว และไตรมาส 4/65 จะมีการรับรู้ชุบแข็งใบเกลียวลำเลียง เป็นสินค้าตัวใหม่ของบริษัทเช่นกัน
นอกจากนี้ บริษัทฯยังขยายสายการผลิตใบผาลสายที่ 3 อีกด้วย ซึ่งหากเสร็จก็จะมีกำลังการผลิต 800,000-1,000,000 ใบต่อปี เพียงพอที่จะบุกตลาดต่างประเทศ จากปัจจุบันมีกำลังผลิต 500,000-600,000 ใบต่อปี ซึ่งพอดีกับที่ลูกค้าหลัก บริษัท สยามคูโบต้า คอร์ปอเรชั่น จำกัด ต้องการ
“เมื่อวานนี้ได้มีการพูดคุยกันถึงจะบุกตลาดที่นิวซีแลนด์ ซึ่งตลาดนี้น่าจะดีกับเรา เพราะมีความคุ้นเคยอยู่แล้ว จึงคิดว่าจะไปออกงานขายเองภายในปีนี้ ช่วงนี้ก็ให้คนไปหาตลาดให้เราก่อน ซึ่งเราจะไปขายในยุโรปไม่ได้ เพราะค่าขนส่งแพง ส่วนตลาดอื่นที่เราไปแล้วก็มีพม่า, ลาว, กัมพูชา เราพึ่งจะออกไปบุกตลาดต่างประเทศ รายได้ปีนี้อาจจะไม่มากแค่ 3-4 ล้านบาท ส่วนใหญ่ยังขายในประเทศเป็นหลัก”
นายเอกพันธ์ กล่าวต่อว่า รายได้ของบริษัทฯในปีนี้ (2565) คาดว่าจะเติบโต 15-20% โดยรายได้หลักยังมาจากภาคเกษตรซึ่งคาดรายได้จะเติบโต 10-15% และส่วนของเครื่องสำอางภายใต้ชื่อ”SENIIQ”ผสมสารกัญชง กัญชา จะเริ่มวางจำหน่ายในเร็ว ๆ นี้ เป็นครีมทาหน้า สูตรเข้มข้น ลดปัญหาสิว ขายในรูปแบบซอง ราคาซองละ 30 กว่าบาท อีกทั้งจะมีผลิตภัณฑ์สเปรย์ฉีดปากสุนัขอีกด้วย ช่วงแรกก็จะเสนอขายผ่านช่องทางออนไลน์ก่อน ทันทีที่ขายสินค้าก็จะรับรู้รายได้ได้เลย
“ตอนนี้ค่าเรือขนส่งเริ่มถูกลงจากที่เศรษฐกิจจีนไม่ดี และราคาเหล็กก็เริ่มปรับตัวลงด้วย ซึ่งบริษัทฯก็ได้ประโยชน์นะ แต่เนื่องจากบริษัทฯมีสต็อกเหล็กเก่าอยู่มาก ซึ่งเป็นสต็อกที่ต้นทุนแพง ตอนนี้เรารีบสั่งก่อนเพราะกลัวเหล็กขาด แต่บริษัทฯก็มีการปรับราคาสินค้าขึ้นทุกไตรมาส โดยไตรมาส 2/65 ที่ผ่านมาก็ปรับราคาสินค้าขึ้นราว 3-5%”
สำหรับอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในทิศทางขาขึ้นไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อบริษัทเท่าไร เพราะบริษัทไม่ได้กู้เงินมาก และปัจจุบันสภาพคล่องก็ดีอยู่ ส่วนเงินบาทอ่อนค่าก็รับผลกระทบไม่มากเท่าไร เพราะจ่ายค่าเหล็กอิงสกุลเงินหยวน เพราะนำเข้าเหล็กจากจีน