HoonSmart.com>>กลุ่มโลจิสติกส์ถึงเวลาที่จะถอยแล้วหรือยัง…ผู้บริหาร JWD และ WICE ต่างมองปริมาณขนส่งสินค้ายังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี แม้ค่าระวางเรือจะชะลอตัวลงจากปีที่แล้ว เผชิญแรงกดดันราคาน้ำมันสูง-สงครามยูเครน ได้ประโยชน์จากจีนทยอยคลายล็อกดาวน์ ช่วยปริมาณขนส่งกลับมาดีขึ้นด้านโบรกฯเตือนให้ระวังลงทุน หลังค่าระวางเรือชะลอตัวลงในหลายเส้นทาง แม้ผลงานไตรมาส 2/65 ยังทรงตัวสูง
นายชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ (JWD) เปิดเผยว่า บริษัทฯตั้งเป้ารายได้ปี 2565 เติบโตไม่ต่ำกว่า 15% หรือไม่ต่ำกว่า 6,000 ล้านบาท และกำไรเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% โดยทิศทางผลงานไตรมาส 2/65 อาจจะใกล้เคียงกับไตรมาส 1/65 ที่มีรายได้ 7,500 ล้านบาท แต่ไตรมาสที่ 3-4 จะปรับขึ้นไปได้ เนื่องจากไตรมาส 2 เผชิญกับปัจจัยกดดันราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูง, สถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซีย และยูเครน รวมถึงค่าระวางเรือไม่ค่อยปรับตัวลง และก็ไม่ปรับขึ้นสูงเหมือนปีที่แล้ว ซึ่งมองว่าน่าจะผ่านจุดสูงสุดไปแล้วในปี 2564
อย่างไรก็ดี การคลายล็อกดาวน์ของจีนจะทำให้ปริมาณการขนส่งกลับมาดีขึ้น แม้ว่าราคาน้ำมันจะสูงก็ตาม ส่งผลกระทบต่อผลงานไตรมาส 1-2 ปีนี้ แต่ทางบริษัทฯก็ทยอยปรับค่าขนส่งเพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยบรรเทาต้นทุนของบริษัทฯได้บ้าง
สำหรับงบลงทุนของบริษัทฯตั้งไว้ไม่เกิน 1,000 ล้านบาทในการสร้างคลังสินค้าอย่างต่อเนื่อง 4 โครงการ ที่บางนา คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 3/65, ที่ อ.มหาชัยจะมี 2 คลังสินค้า โดยเสร็จแล้ว 1 คลังสินค้า และอีกคลังสินค้าจะเสร็จในปลายปี ส่วนที่ จ.สระบุรี คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 3/65 ทั้งหมดนี้คาดว่าจะเพิ่มรายได้ให้ราว 800 ล้านบาท และคาดว่าใช้เวลาปีครึ่งก็จะสามารถใช้เต็มกำลังพื้นที่
ในส่วนคลังสินค้าระหว่างประเทศก็มีการใช้ไซต์ที่เวียดนามอยู่ ซึ่งบริษัทถือหุ้นด้วย และยังมีแผนที่สร้างพันธมิตรทางธุรกิจเพิ่มอีก โดยปีนี้อาจได้เห็น 1-2 ดีลที่บริษัทฯจะเข้าไปร่วมลงทุนด้วย
นายชูเดช คงสุนทร กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท ไวส์ โลจิสติกส์ (WICE) เปิดเผยว่า ล่าสุดประเทศจีนเริ่มทยอยคลายล็อกดาวน์ในหลายเมือง น่าจะทำให้มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้มากขึ้น และจีนก็เป็นตลาดใหญ่ที่ใช้ระวางเรือมากที่สุด สนับสนุนให้ค่าระวางจะปรับขึ้น/ลงตามสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ในช่วงที่จีนมีการล็อกดาวน์ค่าระวางก็ปรับตัวลง ปริมาณการขนส่งก็ปรับตัวลง ซึ่งมองว่าขณะนี้ค่าระวางยังมีความผันผวนตาม Demand และ Supply
“ผลงานไตรมาส 2/65 ของบริษัทฯยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีปัจจัยหลักจากประเทศจีน แต่เมื่อจีนมีการคลายล็อกดาวน์แล้ว ทุกอย่างก็น่าจะดีขึ้น และในครึ่งปีหลัง ปริมาณการขนส่งดีขึ้นด้วย จากที่เข้าสู่ช่วง High Season และเงินบาทอ่อนค่าก็เอื้อต่อธุรกิจการส่งออกด้วย”นายชูเดช กล่าว
น.ส.สุรีย์พร ทีวะสุเวทย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ให้ระมัดระวังการลงทุนหุ้นในกลุ่มโลจิสติกส์หลังจากที่ค่าระวางเรือใกล้ผ่านจุดสูงสุดแล้ว เห็นได้จากค่าระวางเรือชะลอตัวลงในหลายเส้นทาง ทั้งสหรัฐฯ, ยุโรป และจีน โดยได้ปรับตัวลง 10-15% เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส
ทั้งนี้ ผลงานไตรมาส 2/65 ของกลุ่มโลจิสติกส์ยังทรงตัวสูง แต่ไม่เติบโตมากเมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส เป็นผลจากค่าระวางเรือที่ชะลอตัวลง แต่ปริมาณการขนส่งยังอยู่ในระดับสูง ทำให้หลายบริษัทยังทำกำไรเติบโตต่อได้ แต่ถ้าค่าระวางเรือปรับลงแรงในเดือนมิ.ย.ก็อาจทำให้ผลงานไตรมาส 2 ไม่ดีกว่าไตรมาส 1/65
ดัชนีค่าระวางเรือตู้คอนเทนเนอร์เซี่ยงไฮ้ได้ทำจุดสูงสุดเมื่อวันที่ 7 ม.ค.65 ที่ 5,109 จุด หลังจากนั้นทยอยปรับลงมาเป็นเวลา 18 สัปดาห์แล้ว ซึ่งไตรมาส 2 ดัชนีเฉลี่ยอยู่ที่ 4,218 จุด (นับถึง 13 พ.ค.65) ต่ำกว่าไตรมาส 1/65 ที่เฉลี่ย 4,850 จุด
ทางผู้บริหาร LEO ให้สัมภาษณ์ว่าผลงานไตรมาส 2/65 ยังเติบโตอยู่จากปริมาณขนส่งที่สูง แม้ค่าระวางเรือจะปรับตัวลง ซึ่งฝ่ายวิจัยมอง LEO ไตรมาส 2/65 อาจทำกำไรสูงสุดของปี พร้อมคาดกำไรสุทธิปี 65 ที่ 232 ล้านบาท เติบโต 16.7% เมื่อเทียบปีต่อปี โดยแนะ”ถือ”ให้ราคาเป้าหมาย 15 บาท แต่ก็สามารถเล่นเก็งกำไรในช่วงสั้นได้ตามค่าระวางเรือ
อย่างไรก็ดี กำไรของบริษัทในกลุ่มโลจิสติกส์มีโอกาสปรับตัวลงในครึ่งหลังปี 65 จากค่าระวางเรือที่ปรับตัวลงหลังการแพร่ระบาดโควิด-19 คลี่คลาย และเรือก็มีความคล่องตัวมากขึ้น
สำหรับ WICE แนะนำ”ซื้อ”ราคาเป้าหมาย 23 บาท คาดกำไรสุทธิปี 65 ที่ 576 ล้านบาท เติบโต 7.5% เมื่อเทียบปีต่อปี และแนะ”ซื้อ”SONIC ราคาเป้าหมาย 4.60 บาท คาดกำไรสุทธิปี 65 ที่ 223 ล้านบาท ทรงตัวจากปี 64