HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวลดลง ดาวโจนส์ปิดลบ 65 จุด นักลงทุนยังไม่มั่นใจผลการเจรจาระหว่างรัสเซียกับยูเครน ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 3% ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ลบเล็กน้อย เกาะติดการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียกับยูเครน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 30 มีนาคม 2565 ปิดที่ 35,228.81 จุด ลดลง 65.38 จุด หรือ -0.19% นักลงทุนยังเกาะติดการเจรจาระหว่างรัสเซียกับยูเครน ท่ามกลางการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่ยังมีทิศทางที่ต่างกัน
ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 4,602.45 จุด ลดลง 29.15 จุด, -0.63%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,442.27 จุด ลดลง 177.36 จุด, -1.21%
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นหลังจากที่ลดลงติดต่อกัน 3 วัน โดยราคาน้ำมัน WTI เพิ่มขึ้นกว่า 3% มาที่ 107 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลล์ และทำให้หุ้นกลุ่มพลังงงานเพิ่มขึ้น หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ เพิ่มขึ้น 0.39% หุ้นเอ็กซอน โมบิล เพิ่มขึ้น 1.7% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน เพิ่มขึ้น 1.77% หุ้นเชฟรอน เพิ่มขึ้น 0.68%
นักลงทุนยังไม่มั่นใจเกี่ยวกับการเจรจาระหว่างรัสเซียกับยูเครน แม้รัสเซียได้เริ่มเคลื่อนย้ายกองกำลังบางส่วนในยูเครนออกจากพื้นที่รอบ ๆ กรุงเคียฟไปยังพื้นที่อื่น ๆ ในยูเครน และเตรียมที่จะจัดการประชุมระหว่างประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย และประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน หลังจากร่างข้อตกลงสันติภาพ ด้านนายจอห์น เคอร์บี โฆษกกระทรวงกลาโหมของสหรัฐเตือนว่า การเคลื่อนไหวของกองกำลังทหารไม่ใช่การถอนกองกำลัง และมีรายงานของสื่อบางฉบับระบุว่า ยังคงมีการสู้รบใกล้กับทั้งสองเมืองใหญ่ในยูเครน
นักลงทุนยังกังวลกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวที่ลดลงมากกว่าระยะสั้น อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีเพิ่มขึ้นไปแตะระดับ 2.4% และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปีและ 10 ปีต่างกัน 3 จุด และส่วนต่างของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรนี้มักบ่งชี้ถึงเศรษฐกิจถดถอย
สเตฟานี แลง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ Homrich Berg กล่าวว่า “ประเด็นใหญ่ที่พูดกันในตอนนี้ คือ ณ จุดใดก็ตามในช่วงเวลาหนึ่ง ภาวะถดถอยอาจเกิดขึ้นได้ โดยปกติแล้วภาวะถดถอยจะเกิดขึ้นโดยเฉลี่ย 20 เดือนหลังตลาดพันธบัตรเกิดภาวะ Inverted Yield Curve ซึ่งตัวประเมินที่เราใช้บ่งชี้ความเสี่ยงการเกิดภาวะถดถอยเพิ่มขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเกิดในปีนี้ เรากังวลในปีหน้ามากกว่า”
หุ้นกลุ่มธุรกิจค้าปลีกปรับตัวลง จากผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาด หุ้น Five Below ลดลง 6.53% หุ้นChewy ลดลง 16.10% หุ้นBestBuyลดลง 4.28% หุ้นMacy’s ลดลง 3.87% หุ้นTargetลดลง 0.44%
ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดสะท้อนภาพเศรษฐกิจที่ยังแตกต่างกันท่ามกลางอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงสูงขึ้นและความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ที่มีอยู่ รวมไปถึงนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นของธนาคารกลางสหรัฐ โดยผลสำรวจ JOLTS หรือตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่เดือนมีนาคมมีจำนวน 11.3 ล้านตำแหน่ง มากกว่าการจ้างงานใหม่ 6.7 ล้านตำแหน่ง สะท้อนปัญหาการขาดแคลนแรงงานที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ รายงาน การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเดือนมีนาคมเพิ่มขึ้น 455,000 ตำแหน่ง มากกว่า 450,000 ตำแหน่งที่นักวิเคราะห์คาด
กระทรวงพาณิชย์รายงาน ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 4 ปี2564 ที่ปรับใหม่เพิ่มขึ้น 6.9% เท่ากับประมาณการครั้งที่ 1 แต่ต่ำกว่า 7.0% ประมาณการครั้งที่ 2 และต่ำกว่า 7.1%ที่นักวิเคราะห์คาด
นักลงทุนรอการรายงานข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐฯที่จะเผยแพร่ ในวันศุกร์ ซึ่งตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 490,000 ตำแหน่ง อัตราการว่างงานลดลงเหลือ 3.7% ในเดือนกุมภาพันธ์ การจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 678,000 รายและอัตราการว่างงาน 3.8%
ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงเล็กน้อย นำโดยกลุ่มค้าปลีกที่ลดลง 2.7% แต่กลุ่มน้ำมันและก๊าซเพิ่มขึ้น 3% นักลงทุนยังเกาะติดการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียกับยูเครน
เยอรมนีประกาศใช้สถานการณ์ฉุกเฉินด้านก๊าซ เนื่องจากใกล้ถึงเส้นตายของรัสเซียที่กำหนดให้จ่ายค่าก๊าซธรรมชาติเป็นเงินรูเบิล และเตือนว่า ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนอาจจะมีการปันส่วนก๊าซธรรมชาติ
โรเบิร์ต ฮาเบ็ค รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจของเยอรมนี เรียกร้องให้บริษัทและผู้บริโภคลดการใช้พลังงานในทุกที่ที่ทำได้ แต่กล่าวว่าขณะนี้ยังไม่มีปัญหาการขาดแคลนอุปทาน
ขณะเดียวกัน ธนาคารกลางสหภาพยุโรป (ECB) เตือนว่า ทั้งภูมิภาคเผชิญกับการเติบโตที่ชะลอตัวลงและอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น เนื่องจากสงครามยูเครนกระทบความเชื่อมั่นลดลง และทำให้ราคาพลังงานสูงขึ้น
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 460.19 จุด ลดลง 1.90 จุด, -0.41%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,578.75 จุด เพิ่มขึ้น 41.50 จุด, +0.55%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ ที่ 6,741.59 จุด ลดลง 50.57 จุด, -0.74%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 14,606.05 จุด ลดลง 214.28 จุด, -1.45%
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคมเพิ่มขึ้น 3.58 ดอลลาร์ หรือ 3.4% ปิดที่ 107.82 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนืองวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม เพิ่มขึ้น 3.22 ดอลลาร์ หรือ 2.9% ปิดที่ 113.45 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล