HoonSmart.com>”ณภัทร วินิจฉัยกุล” หนึ่งในกรรมการซูเปอร์บอร์ดกสทช.ยื่นหนังสือถึงประธานกสทช. ไม่ให้มีคำสั่งควบกิจการ “ทรูฯ” กับ “ดีแทค” ตั้งคำถามชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของผู้ใช้บริการ-ประชาชน รวมถึงศักยภาพทางการแข่งขันของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทย เสนอรอบอร์ดชุดใหม่มาพิจารณา เปิดรับฟังความคิดเห็นในวงกว้าง ด้านบริษัท TRUE-DTAC นัดจัดประชุมผู้ถือหุ้นโหวต 4 เม.ย.นี้
นายณภัทร วินิจฉัยกุล หนึ่งในกรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน ของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) หรือ ซูเปอร์บอร์ด เปิดเผยว่า ได้ไปยื่นหนังสือถึง พลเอกสุกิจ ขมะสุนทร ประธาน กสทช.เรื่องการขอให้ปฏิบัติหน้าที่ตามอำนาจที่กฎหมายบัญญัติ เพื่อมีคำสั่งไม่ให้มีการควบกิจการของ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) กับ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) เพื่อรักษาผลประโยชน์ให้เกิดขึ้นสูงสุดกับผู้ใช้บริการและประชาชน รวมถึงศักยภาพทางการแข่งขันของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทย
สำหรับหลักการสำคัญได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้น พบว่า การดำเนินการของ กสทช.ชุดรักษาการ มีความเคลือบแคลงสงสัย และมีความไม่ชัดเจนในประเด็นที่เอกชนทั้ง 2 ราย มีแนวทางในการควบกิจการกัน เป็นสิ่งที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และก่อให้เกิดประโยชน์กับสังคม ประชาชน และระบบนิเวศน์ของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมหรือไม่
ประเด็นที่มีนัยสำคัญในการควบกิจการทรู และพบว่าจะขัดต่อบทบัญญัติกฏหมายที่เกี่ยวข้องโดยชัดเจน ได้แก่ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ พ.ศ.2553 และ พ.ร.บ.ประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2544 รวมทั้งประกาศที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ด้วย รวมไปถึงบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ฉบับปัจจุบัน มีหลักการชัดเจนเขียนไว้ในมาตรา 60 ที่ระบุว่า คลื่นเป็นสมบัติของชาติ ดังนั้นการนำคลื่นมาใช้ประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม จะต้องทำเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน ประโยชน์สาธารณะ และความมั่นคงของรัฐ หากส่งผลกระทบต่อ 3 สิ่งนี้ ถือว่าขัดต่อหลักการ ซึ่งสิ่งที่ กสทช.พยายามทำและไม่กำกับดูแลในเรื่องดังกล่าว มีความสุ่มเสี่ยงว่าจะเป็นการดำเนินการที่ขัดต่อกฏหมาย
นอกจากนี้มองว่า กสทช.ชุดรักษาการ ควรรอให้คณะกรรมการชุดใหม่เป็นผู้พิจารณาเรื่องนี้ เนื่องจากกระบวนการสรรหาคณะกรรมการ กสทช.ชุดใหม่ทั้ง 5 คน เสร็จเรียบร้อยแล้ว อยู่ในขั้นตอนของการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ก็สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ทันที
ส่วนประเด็นปลีกย่อยในเรื่องกระบวนการทำงานของ กสทช.มีหลักการเขียนไว้ว่า จะต้องรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ ซึ่งกรณีนี้เชิญเฉพาะผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ (โอเปอเรเตอร์) ที่เกี่ยวข้อง แต่ไม่ได้เชิญภาคประชาชน เข้าไปมีส่วนร่วม ทั้งนี้ พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นฯ มาตรา 28 ระบุชัดเจนว่าต้องเชิญในหลายภาคส่วน
ตามกฏหมายซูเปอร์บอร์ดสามารถตั้งประเด็น ข้อสังเกต และข้อเสนอแนะว่าทำไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสม ในรายงานที่เสนอต่อรัฐสภา ที่ต้องเสนอผ่านไปที่ กสทช.ซึ่งควรนำข้อเสนอแนะดังกล่าวไปปรับปรุงเพิ่มเติม เนื่องจากตามกฏหมายต้องนำรายงานของซูเปอร์บอร์ดเสนอไปรัฐสภาพร้อมรายงานของ กสทช.แต่ผลในทางปฏิบัติเกิดขึ้นน้อยมาก เพราะคนที่ปฏิบัติจริง คือ กสทช.ซึ่งซูเปอร์บอร์ดไม่สามารถไปบังคับ กสทช.ได้
ด้านบริษัท TRUE และบริษัท DTAC กําหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ในวันจันทร์ที่ 4 เม.ย.2565 ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เพื่อพิจารณาอนุมัติการควบกิจการทั้งสองบริษัท โดยที่ปรึกษาทางการเงินอิสระมีความเห็นว่าผู้ถือหุ้นควรอนุมัติเพราะมีความเหมาะสมทั้งด้านผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้น และราคาแลกหุ้นของบริษัทใหม่