HoonSmart.com>> “หุ้นกู้ดิจิทัลแสนสิริ” สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ประชาชนตอบรับจองซื้อผ่านแอปฯ “เป๋าตัง” ล้นหลาม กวาดยอดขายครบ 2,000 ล้านบาท ภายใน 3นาที 38 วินาที ตอกย้ำความสำเร็จของความร่วมมือระหว่าง “แสนสิริ” และ “กรุงไทย” เปิดขายหุ้นกู้ภาคเอกชนออนไลน์เต็มรูปแบบผ่านวอลเล็ต เป็นอสังหาริมทรัพย์ “รายแรกในเอเชีย” ตอบโจทย์ผู้ลงทุนยุคใหม่ ซื้อขาย ขายง่ายได้ทันที 24 ชั่วโมง ให้คนไทยทุกคนเข้าถึงการลงทุนได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม
นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ (SIRI) กล่าวว่า หุ้นกู้ดิจิทัลแสนสิริที่เปิดให้จองซื้อวันนี้เป็นวันแรก มีนักลงทุนจำนวนมากให้ความสนใจจองซื้อสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ประกอบด้วยหุ้นกู้ดิจิทัลแสนสิริตามแผนการเสนอขาย 1,000 ล้านบาท และมีหุ้นกู้สำรองเพื่อการเสนอขายเพิ่มเติม (กรีนชู) อีกจำนวน 1,000 ล้านบาท และจองซื้อเต็มมูลค่าเสนอขาย 2,000 ล้านบาท ในเวลา 3 นาที 38 วินาที ซึ่งเป็นนักลงทุนรายย่อยที่เข้าถึงหุ้นกู้ดิจิทัลแสนสิริได้ตรงตามวัตถุประสงค์ในการเป็น “หุ้นกู้ที่คนไทยทุกคนเข้าถึงได้” การให้การตอบรับที่ดีจนส่งผลให้เต็มมูลค่าเสนอขายในระยะเวลาอันรวดเร็วนี้
“นับเป็นความสำเร็จที่ตอกย้ำเจตนารมย์และความมุ่งมั่นของแสนสิริในการเป็นแบรนด์ที่จับต้องง่าย และ “แบรนด์ที่ทุกคนเข้าถึงได้” ซึ่งไม่ใช่เพียงเฉพาะการพัฒนาโปรดักส์ เพื่อให้เป็นแบรนด์ที่เข้าถึงได้ในทุกระดับราคา แสนสิริยังมองถึงความสำคัญในด้านการลงทุนที่ต้องเท่าเทียมและเข้าถึงได้ ทำให้มีการเสนอขายหุ้นกู้รูปแบบนี้เป็นรายแรกของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเอเชีย และได้รับการตอบรับจากนักลงทุนที่เกินความคาดหมาย”นายเศรษฐา กล่าว
นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย (KTB) เปิดเผยว่า ความสำเร็จของการเสนอขายหุ้นกู้ดิจิทัลแสนสิริ ที่ขายหมดภายในเวลา 3 นาที 38 วินาที สะท้อนถึงความเชื่อมั่นต่อธุรกิจของแสนสิริและประสิทธิภาพของระบบ “เป๋าตัง” ที่ได้รับการพัฒนาโดย อินฟินิธัส บาย กรุงไทย (Infinitas by Krungthai) ให้เป็น “Thailand Open Digital Platform” ทำให้ทุกกิจกรรมการใช้ชีวิต เป็นเรื่องง่าย สะดวก ปลอดภัย ทำรายการได้ทุกที่ ทุกเวลา ทั้งการใช้จ่ายโครงการภาครัฐผ่าน “ G Wallet” ด้านสุขภาพผ่าน “Health Wallet” รวมถึงการออมและการลงทุนพันธบัตรรัฐบาลผ่าน “วอลเล็ต สบม.” การลงทุนทองคำผ่าน “ Gold Wallet” และการลงทุนหุ้นกู้ภาคเอกชนผ่านบริการ “ซื้อขายหุ้นกู้”
การเสนอขายหุ้นกู้ดิจิทัลแสนสิริครั้งนี้ เปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนทุกกลุ่มเข้าถึงโอกาสการออมและการลงทุนที่มีศักยภาพย่างทั่วถึง และเท่าเทียม โดยมีจำนวนผู้ลงทุนทั้งหมด 5,826 คน เฉลี่ยวงเงินลงทุนอยู่ที่ 339,098 บาทต่อคน วงเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท ซึ่งมีผู้ลงทุนจำนวน 278 คน ผู้ลงทุนกระจายตัวในทุกจังหวัดทั่วประเทศ แบ่งเป็นกรุงเทพฯ 60.2% และต่างจังหวัด 39.8 % เป็นนักลงทุนผู้หญิงสูงถึง 59.2% และกระจายตัวทุกช่วงอายุระหว่าง 20-92 ปี โดยเฉพาะกลุ่ม First Jobber 20-29 ปี 13.8 % และกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไปสูงถึง 15.5 %
สำหรับผู้ลงทุนที่จองซื้อสำเร็จ สามารถตรวจสอบรายการจองซื้อหุ้นกู้ดิจิทัลของท่านได้ในวอลเล็ตซื้อขายหุ้นกู้ ผ่านเมนู “รายการย้อนหลัง” โดยหุ้นกู้ดิจิทัลแสนสิริจะแสดงในวอลเล็ตของท่านในวันที่ 21 ม.ค.2565 ซึ่งนับเป็นวันออกหุ้นกู้วันแรก สำหรับผู้ลงทุนที่พลาดโอกาสการจองซื้อหุ้นกู้ดิจิทัลแสนสิริในตลาดแรก สามารถซื้อขายหุ้นกู้ดิจิทัลแสนสิริในตลาดรองได้บนแอปฯ เป๋าตัง ได้ 24 ชั่วโมง เริ่มตั้งแต่วันที่ 21 ม.ค.2565
“การเสนอขายหุ้นกู้ดิจิทัลแสนสิริครั้งนี้ เป็นการต่อยอดจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลของธนาคาร ตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน ( SDGs) ทั้งในด้านการนำนวัตกรรมมาเพิ่มประสิทธิภาพ พัฒนายกระดับตลาดทุนไทย นำเสนอบริการที่สนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อม เพราะเป็นผลิตภัณฑ์แบบ Scripless ไม่ต้องใช้เอกสาร ลดการเดินทางไปสาขา ทำรายการบนแอปฯเป๋าตังได้ทันที ซึ่งเป็นช่องทางที่ประชาชนส่วนใหญ่คุ้นเคยมีผู้ใช้งานกว่า 33 ล้านคน ช่วยให้ประชาชนทุกกลุ่มเข้าถึงการลงทุนได้ทั่วถึง ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำ มีระบบที่โปร่งใส ปลอดภัย สามารถตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน โดยธนาคารพร้อมจับมือกับพันธมิตรทุกกลุ่ม เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าเพื่อให้ชีวิตดีขึ้นอย่างทั่วถึงและยั่งยืน”นายผยง กล่าว
ทั้งนี้ หุ้นกู้ดิจิทัลแสนสิริเป็นหุ้นกู้ระยะยาวชนิดระบุชื่อผู้ถือ ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ อายุ 2 ปี 6 เดือน ซึ่งจะครบกำหนดไถ่ถอนในปี พ.ศ. 2567 อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.10% ต่อปี กำหนดจ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน เริ่มนับจากวันออกหุ้นกู้วันแรก คือ วันที่ 21 มกราคม 2565 โดยเปิดให้ลงทุนขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท นักลงทุนสามารถลงทุนเพิ่มด้วยอัตราทวีคูณครั้งละ 1,000 บาท วงเงินลงทุนสูงสุดท่านละไม่เกิน 50 ล้านบาท โดยหุ้นกู้ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ “BBB+” จากทริสเรทติ้ง เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2564 ซึ่งเป็นระดับ Investment Grade