HoonSmart.com>>”โนวา ออร์แกนิค” ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ฤกษ์ดีเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ 24 ธ.ค.นี้ คาดราคาเหนือจeองที่เสนอขายหุ้นละ 6.90 บาท ระดมทุนขยายการลงทุน ด้านกำไรปี 2563 โตก้าวกระโดด 780.81 ล้านบาท ปีนี้ 9 เดือนวูบเหลือ 74 ล้านบาท ลดลง 84%
นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยินดีต้อนรับ บริษัทโนวา ออร์แกนิค (NV) เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคและบริโภค หมวดของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ ในวันที่ 24 ธ.ค. 2564 หลังประสบความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นให้ประชาชนครั้งแรก (IPO) จำนวน 600 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 6.90 บาทจากพาร์หุ้นละ 0.50 บาท มูลค่าระดมทุนรวม 1,035 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 4,140 ล้านบาท ครอบครัวจันทร์จุฑามาศ ถือหุ้น 69.27%
NV ประกอบธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพและความงาม ผลิตภัณฑ์ของบริษัทที่ได้รับความนิยมและรู้จักอย่างแพร่หลาย ได้แก่ LIVNEST DONUTT และ Q-Tin จัดจำหน่ายผ่านทุกช่องทางโดยมีการจำหน่ายผ่านทางโทรศัพท์ที่บริษัทได้พัฒนาขึ้นเองเป็นช่องทางหลัก และช่องทางอื่นๆ เช่น ร้านค้าสมัยใหม่ และโฮมช้อปปิ้ง รวมถึงให้บริการให้คำปรึกษาและรับจ้างผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแบบครบวงจร โดยมีฝ่ายวิจัยและพัฒนาในการคิดค้นและพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพและหลากหลายอย่างต่อเนื่อง
นายนวพล จันทร์จุฑามาศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โนวา ออร์แกนิค เปิดเผยว่า NV มีวิสัยทัศน์ที่จะเป็นผู้นำผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพและความงามในภูมิภาคเอเชียและสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับทุกคนอย่างยั่งยืน
การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ บริษัทมีแผนที่จะลงทุนเพื่อขยายโรงงานและคลังสินค้าแห่งใหม่ ปรับปรุงโรงงานเดิมพื่อการผลิตสินค้าประเภทสมุนไพรและโรงงานสกัดสารสำคัญ และลงทุนในอาคารสำนักงานใหม่เพื่อรองรับการขยายช่องทางการจำหน่ายทางโทรศัพท์ (Telesales) ที่เป็นช่องทางหลัก รวมทั้งนำเสนอและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเติบโตของ NV และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคและเข้าถึงด้วยช่องทางการจัดจำหน่ายที่เข้าถึงง่าย หลากหลายและครอบคลุม
ด้านผลการดำเนินงานในปี 2562 มีกำไรสุทธิ 75.65 ล้านบาท กำไรหุ้นละ 134 บาท ในปี 2563 เพิ่มเป็น 780.81 ล้านบาท กำไรหุ้นละ 510 บาท สำหรับปี 2564 งวดไตรมาส 3 มีกำไรสุทธิเพียง 13 ล้านบาท ลดลงมากเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิ 257 ล้านบาท รวม 9 เดือนกำไรทั้งสิ้น 74.22 ล้านบาท ลดลงจำนวน 405 ล้านบาทหรือ 84.53%จากกำไรจำนวน 479.64 ล้านบาทในปีก่อน โดยมีรายได้จากการขายจำนวน 910 ล้านบาท ลดลง 28.30% จากจำนวน 1,269 ล้านบาท ต้นทุนขายเพิ่มขึ้น 2.40% เป็น 346.52 ล้านบาท ทำให้กำไรขั้นต้นลดลง 39.46% เหลือ 563.62 ล้านบาท
สาเหตุที่ทำให้กำไรลดลงมาก มาจากรายได้จากการขายสินค้าประเภทถั่งเช่าภายใต้เครื่องหมายการค้าลีฟเนส “LIVNEST” ตั้งแต่ช่วงเดือนก.พ. 2564 เป็นต้นมา หลังได้รับผลกระทบจากการเผยแพร่ข้อมูลกระแสสังคมเชิงลบของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และข่าวคดีความเกี่ยวกับการโฆษณาคุณประโยชน์ คุณภาพหรือสรรพคุณโดยไม่สมควรและไม่ได้รับอนุญาตของสินค้ากลุ่มสารสกัดจากถั่งเช่าภายใต้เครื่องหมายการลีฟเนส (LIVNEST) ส่งผลให้บริษัทต้องชะลอการเผยแพร่สื่อโฆษณาที่ได้มีการวางแผนการขายและทำการตลาดไว้
อย่างไรก็ตามบริษัทได้ปรับกลยุทธ์ โดยกระจายการนำเสนอโฆษณาสินค้าหลากหลายประเภทนอกเหนือจากสินค้าประเภทถั่งเช่าผสมมัลติวิตามินบี ได้แก่ กาแฟ ถั่งเช่า และคอลลาเจนไดเปปไทด์เสริมแคลเซียม เป็นต้น เพื่อเพิ่มความหลากหลายมากขึ้น ส่งผลให้สัดส่วนรายได้สินค้าหลักที่สร้างรายได้ ทำให้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารภายใต้เครื่องหมายการค้าลีฟเนส “LIVNEST” มีสัดส่วนการจำหน่ายลดลงเป็น 71.58% ของรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์ภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัทรวม หรือคิดเป็นมูลค่าเท่ากับ 679.70 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าที่เท่ากับ 85.03% หรือคิดเป็นมูลค่าเท่ากับ 1,134.00 ล้านบาท