HoonSmarrt.com>> “เฮลท์ลีด” ปลื้มราคาเปิดวันแรกเหนือจอง 58.16% อยู่ที่ 15.50 บาท จากราคา IPO ที่ 9.80 บาท มั่นใจอนาคตโตก้าวกระโดด ตั้งเป้ารายได้-ยอดขายต่อสาขาโตไม่ต่ำกว่า 10% ทุกปี เปิดใหม่ 4-5 สาขา/ปี คาดเริ่มขยายหัวเมืองใหญ่ปี 66-67 ส่วนบริษัทย่อย เฮลทิเนส ออกสินค้าใหม่แบรนด์ HL ปี 65 อีก 10 สินค้า Margin ไม่ต่ำกว่า 40% ขยายไปขายต่างประเทศ ด้านบล.ทรีนีตี้คาดกำไร 3 ปีโตเฉลี่ย 38.7%ต่อปี
ภก.ธัชพล ชลวัฒนสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฮลท์ลีด (HL) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งหมายรายได้และยอดขายต่อสาขา (SSSG) ในแต่ละปีไม่ต่ำกว่า 10% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2561-2563) สามารถทำได้ตามเป้า ส่วนแผนขยายสาขาเพิ่มตั้งเป้าจะขยายสาขาปีละ 4-5 สาขา ใช้เงินลงทุนต่อสาขาประมาณ 2-6 ล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ 26 สาขา รวมถึงปรับปรุงสาขาเดิมด้วย ซึ่งจะทั้งแผนขยายสาขาและปรับปรุงสาขา จะส่งผลให้ยอดขายมีการเติบโตที่ดีขึ้นต่อเนื่องในอนาคต
ทั้งนี้ มูลค่าตลาดอุตสาหกรรมยาไทยอยู่ที่ 184,000 ล้านบาท แบ่งเป็นร้านขายยาประมาณ 20% หรือ 35,500 ล้านบาท ซึ่ง 45% เป็นร้านขายยาในกรุงเทพฯ โอกาสในการขยายสาขาของบริษัทยังมีอยู่อีกมาก และเป็นไปตามแผนที่บริษัทจะมุ่งขยายสาขาในบริเวณพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลก่อน ส่วนการขยายสาขาไปยังหัวเมืองสำคัญทั่วประเทศ คาดว่าจะเริ่มในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า (2566-2567) โดยปัจจุบันจากการเก็บข้อมูลเริ่มเห็นสัดส่วนลูกค้าต่างจังหวัดเพิ่มมากขึ้น
ส่วนการแพร่ระบาดของโควิด-19 บริษัทมองว่าส่งผลบวกต่อบริษัท เนื่องจากร้านขายยาเป็นที่พึ่งของชุมชนและประชาชน ประกอบกับจุดเด่นของบริษัทที่มีเภสัชกรให้บริการอยู่ตลอดเวลา รวมถึงมีสินค้ากว่า 10,000 SKU ทำให้ตอบสนองลูกค้าได้อย่างครบถ้วนเมื่อเข้ามาใช้บริการ ด้านแนวโน้มของสังคมผู้สูงอายุ ก็ส่งผลบวกเช่นกัน จากปัจจัยที่มีสินค้าครอบคลุมตั้งแต่ยาเวชภัณฑ์ไปจนถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์ อีกทั้งมีระดับราคาที่หลากหลายเหมาะสมกับแต่ละกลุ่มลูกค้า
ขณะที่บริษัทย่อย เฮลทิเนส (Healthiness) ทำธุรกิจคิดค้นผลิตภัณฑ์นวัตกรรมต่างๆ คาดว่าในปี 2565 จะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆออกมาต่อเนื่องประมาณ 10 SKU จากปัจจุบันมีอยู่ 33 SKU ซึ่งการขายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ของบริษัทเองมีอัตรากำไร (Margin) ค่อนข้างดี ไม่ต่ำกว่า 40% เมื่อเทียบกับร้านขายขาที่มี Margin ประมาณ 20% ซึ่งแผนในอนาคตบริษัทจะขายในร้านขายยาแบรนด์อื่นๆด้วย รวมถึงขยายการขายไปยังต่างประเทศ โดยปัจจุบันได้มีการเจรจาอยู่ในหลายประเทศ
“ด้านราคาหุ้นที่เปิดการซื้อขายวันแรก เราต้องขอขอบคุณนักลงทุนในเชื่อมั่นในตัวบริษัท และเราจะพยายามสร้างการเติบโตให้ดีขึ้นต่อเนื่องในอนาคต โดยในอีก 1-3 ปีข้างหน้า (2565-2567) อาจจะได้เห็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดด เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุน โดยมีนโยบายจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ ส่วนโอกาสการขยายธุรกิจ ถ้ามีโอกาสเข้ามา เราก็พร้อมจะลงทุน จากปัจจุบันที่มีความแข็งแกร่งด้านเงินทุน ภายหลังการระดมทุน” ภก.ธัชพล กล่าว
ด้านนายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส เปิดเผยว่า หุ้น HL เปิดซื้อขายวันแรกที่ระดับราคา 15.50 บาท เพิ่มขึ้น 5.70 บาท หรือ 58.16% จากราคา IPO อยู่ที่ 9.80 บาท ซึ่งราคาเปิดเป็นที่น่าพอใจ สะท้อนกับปัจจัยพื้นฐานทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง และมีจุดเด่นไม่เหมือนใคร อีกทั้งยังมีแผนการเติบโตที่ชัดเจน ทำให้ HL คือหุ้น Growth Stock
บล.ทรีนีตี้ให้ราคาเป้าหมายสิ้นปี2565 ที่ 13.51 บาท อ้างอิง P/E 32 เท่า ซึ่งเป็นระดับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปีของอุตสาหกรรมพาณิชย์ พร้อมนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ
ทั้งนี้ประมาณการรายได้และกำไรมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง คาดรายได้เติบโตเฉลี่ยปี 2563-2566 ราว 16.5% ต่อปี และกำไรเติบโตเฉลี่ย 38.7%ต่อปี เป็นอัตราเร่งที่สูงกว่าการเติบโตของรายได้
” ประมาณการกำไรสุทธิปี 2564-2566 จำนวน 72 ล้านบาท 115 ล้านบาท และ 139 ล้านบาทตามลำดับ คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิต่อยอดขาย 6.0% 7.9% และ 8.3%ตามลำดับ”บล.ทรีนีตี้ระบุ
นอกจากนี้บริษัทยังมีฐานะการเงินแข็งแกร่งหลังการทำ IPO โดยจะมีสถานะเป็น Net Cash พร้อมต่อการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง