HoonSmart.com>>บอร์ด UPA อนุมัติลงทุนวินด์ฟาร์มฯ เวียดนาม มูลค่า 236.05 ล้านบาท กำลังผลิตไฟฟ้ารวม 21 MW หวังขยายธุรกิจพลังงานทดแทนทุกรูปแบบ และทุ่มงบ 120 ล้านบาทตั้งบริษัทร่วมทุนในสปป.ลาว ลุยธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล
นายพรอินทร์ แม้นมาลัย กรรมการและรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านเทคนิค บริษัท ยูไนเต็ด เพาเวอร์ ออฟ เอเชีย (UPA) กล่าวว่า คณะกรรมการบริษัทอนุมัติให้บริษัท พาราโบลิก โซลาร์ พาวเวอร์ (PSP) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยเข้าทำรายการซื้อหุ้นของบริษัท ASIA ENERGY AND UTILITIES HOLDING (SINGAPORE) PTE. LIMITED จำนวน 5,672,800 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 80% ของหุ้นที่ออกและชำระแล้วทั้งหมด จาก ASIA INVESTMENT, DEVELOPMENT & CONSTRUCTION SOLE CO., LTD. ที่เป็นผู้ถือหุ้นเดิม โดยมีมูลค่าการเข้าทำรายการทั้งหมด 7.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 236.05 ล้านบาท ( ณ อัตราแลกเปลี่ยนจากธนาคารแห่งประเทศไทย ณ วันที่ 28 ตุลาคม 2564 )
การทำรายการดังกล่าวจะทำให้บริษัทฯได้สิทธิ์ถือหุ้นในสัดส่วน 44% ของหุ้นที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของ Central Wind Power Joint Stock Company (“CWP”) โดยที่ CWP เป็นบริษัทที่ดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม Phuong Mai 3 Wind Power Plant ในประเทศเวียดนาม ขนาดกำลังการผลิต 21 เมกะวัตต์ (MW)
สำหรับโครงการดังกล่าว ตั้งอยู่ที่ Nhon Hoi Economic Zone, Binh Dinh Province ประเทศเวียดนาม โดยมีสัญญาซื้อขายไฟกับ Vietnam Electricity (EVN) มีระยะเวลาซื้อขายไฟ 20 ปี นับจากวันจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์
“ การเข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าวินด์ฟาร์ม ฯ ครั้งนี้ เป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้ธุรกิจของบริษัทฯเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และเป็นการขยายรูปแบบการลงทุน จากก่อนหน้านี้ในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Song Luy 1 Solar Power ขนาดกำลังผลิต 46.78 เมกะวัตต์ ในประเทศเวียดนามเช่นกัน ซึ่งบริษัทฯยังคงมองหาโอกาสการลงทุนในประเทศอื่นๆ รวมทั้งเป้าหมายที่จะขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันมีโครงการโรงไฟฟ้าในมือที่มีกำลังการผลิตรวมกว่า 60 เมกะวัตต์ รวมทั้งมีการเจรจาเพื่อเข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าในประเทศแถบภูมิภาค CLMV+T เพิ่มเติม ” นายพรอินทร์ กล่าว
นายกวิน เฉลิมโรจน์ ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร UPA กล่าวว่า คณะกรรมการยังอนุมัติให้บริษัทฯลงนามในบันทึกข้อตกลง กับ Asia Investment And Financial Services Sole Company Limited บริษัทที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (“AIF”)
โดยมีวัตถุประสงค์จัดตั้งและเข้าลงทุนในบริษัทร่วมทุน (Joint Venture) ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เพื่อประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัล รวมถึงการตรวจสอบการทำธุรกรรมที่ใช้คริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency Mining) ในสปป.ลาว โดยบริษัทฯ และ AIF จะมีสัดส่วนการลงทุนฝ่ายละ 50% คาดว่าแต่ละฝ่ายจะลงทุนขั้นต้น 120,000,000 บาท