HoonSmart.com>> ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เร่งออกเครื่องมือดับหุ้นร้อนแรง ปรับเกณฑ์ฟรีโฟลท คำนวณดัชนี เชื่อหุ้นไทยยังมีจุดแข็ง ดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ เผยเดือนก.ย.ซื้อสุทธินับเป็นเดือนที่สอง รวม 9 เดือนดัชนีเพิ่มขึ้น 10.8% -IPO ขายตลาดแรก 118,430 ล้านบาทสูงสุดในอาเซียน เตรียมเปิดตลาดซื้อขายหุ้น SME และStart-up ก่อนสิ้นปี 64 หวังธุรกิจขนาดเล็กเข้าถึงแหล่งเงินทุนง่ายขึ้น
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ได้มีการศึกษาการใช้มาตรการ หรือ เครื่องมืออื่นๆ เพิ่มเติม จากมาตรการเดิม เพื่อเข้ามาควบคุมการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นร้อนแรง ปัจจุบันกระบวนการเหลืออีกไม่กี่ขั้นตอน เช่นเดียวกับเกณฑ์การใช้ FreeFloat เข้ามาคำนวณดัชนี ก็รออนุมัติจากสำนักงาน ก.ล.ต.
ส่วนการเปิดกระดานสำหรับซื้อขายหุ้น SME และ Start-Up ภายใต้แพลตฟอร์ม “Live Exchange” คาดว่าจะสามารถเปิดตัวได้ภายในสิ้นปี 2564 เพื่อสนับสนุนธุรกิจขนาดเล็กให้สามารถเข้าถึงแหล่งระดมทุนได้ และสร้างการเติบโตในอนาคตได้ดียิ่งขึ้น
สำหรับทิศทางของเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ (Fund Flow) ก็ต้องติดตามปัจจัยทั้งในประเทศและต่างประเทศเป็นหลัก ซึ่งกำหนดทิศทางของ Fund Flow ว่าจะไหลเข้าหรือไหลออก ส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ ซึ่งนักลงทุนต่างประเทศมีการซื้อสุทธิ 2 เดือนติดต่อกัน (ส.ค.-ก.ย.2564) หลังเริ่มเห็นสัญญาณการติดเชื้อโควิด-19 มีทิศทางที่เบาลง
“ตลาดหุ้นไทยมีจุดแข็งในหลายๆจุด ที่เห็นโดดเด่นที่สุด คือการส่งออกที่มีความหลากหลาย รวมถึงการทำธุรกิจในต่างประเทศ ที่มีความสามารถในการแข่งขันในระดับโลก และยังนำเรื่องการเติบโตอย่างยั่งยืน (ESG) เข้ามาเสริมความสามารถในการแข่งขันด้วย แต่จุดแข็งบางส่วนก็ยังฟื้นตัวได้ไม่ดีมากนัก อาทิ ภาคบริการ แต่เมื่อไหร่ที่การกระจายวัคซีนเพิ่มมากขึ้น สามารถเปิดประเทศได้เร็วกว่ากำหนด ภาคบริการก็จะฟื้นตัวได้ดีขึ้น และดึงภาคเศรษฐกิจให้กลับมาเติบโตดีขึ้น” นายภากร กล่าว
ด้านนายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ณ สิ้นเดือนก.ย. 2564 SET Index ปิดที่ 1,605.68 จุด ลดลง 2.0% จากสิ้นเดือนก่อนหน้า มีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันใน SET และ mai อยู่ที่ 100,827 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 110.5% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน ส่วนในช่วง 9 เดือนแรกปี 2564 SET Index เพิ่มขึ้น 10.8% ซึ่งถือเป็นการปรับเพิ่มขึ้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยของดัชนีตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ และมีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 96,463 ล้านบาท โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่าตลาดเมื่อเทียบกับสิ้นปีก่อนหน้า ได้แก่ กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม , กลุ่มเทคโนโลยี , กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร และกลุ่มบริการ
นอกจากนี้ในเดือนก.ย. มีบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาด SET จำนวน 2 บริษัท และในตลาด mai จำนวน 2 บริษัท โดยใน 9 เดือนแรกปี 2564 ตลาด SET มีมูลค่าเสนอขายในตลาดแรก (IPO) อยู่ที่ 118,430 ล้านบาท สูงที่สุดเมื่อเทียบกับตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ ในอาเซียน ด้านอัตราเงินปันผลตอบแทน ณ สิ้นเดือนก.ย. อยู่ที่ระดับ 2.74% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ 2.47%
ในเดือนก.ย. 2564 ผู้ลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 10,803 ล้านบาท เป็นการกลับมาซื้อสุทธิเป็นเดือนที่สองต่อเนื่อง (ส.ค.-ก.ย.) ในปี 2564 แต่รวม 9 เดือน ผู้ลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิรวม 79,172 ล้านบาท โดยผู้ลงทุนไทยซื้อสุทธิ 105,753 ล้านบาท และสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดมาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่เดือนก.พ. 2563 ที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19