HoonSmart.com>>หุ้นไทยถูกเทกระจาดเฉียด 23 จุด หลังราคาหุ้นเอเวอร์แกรนด์ดิ่ง ฉุดตลาดหุ้นฮ่องกงร่วงกว่า 3% ตลาดยุโรป-ดาวโจนส์ล่วงหน้า ราคาน้ำมันดิบทรุดตาม วิ่งเข้าหาทองคำ แถมถูกซ้ำเติมจากไทยขยายเพดานก่อหนี้เป็น 70% สถาบันทิ้งหนักกว่า 4 พันล้าน ตลาดเริ่มสำรวจความคิดเห็นถอดหุ้นร้อนผิดปกติออกจาก SET 50 คาดใช้ ธ.ค.นี้ กดดัน DELTA บล.เมย์แบงก์ฯ เตือนนักลงทุนระวัง เลี่ยงตัวใหญ่ หากหลุด 1,600 จุด แนวรับถัดไปที่ 1,585 จุด และแนวต้านที่ 1,615 จุด
วันที่ 20 ก.ย. 2564 ตลาดหุ้นเอเชีย ยุโรปและสหรัฐล่วงหน้าปรับตัวลงแรง ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ลงไปต่ำสุดที่ 1,601.16 จุด ก่อนปิดที่ระดับ 1,603.06 จุด -22.59 จุด หรือ -1.39% ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายรวม 85,013.63 ล้านบาท ฝีมือสถาบันไทยกระหน่ำ 4,392 ล้านบาท บัญชีหลักทรัพย์ขาย 1,191 ต่างชาติขายเพียง 277 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนไทยช้อน 5,860.89 ล้านบาท ด้านค่าเงินบาทปิดที่ 33.35 บาท/ดอลลาร์ อ่อนลงตามภูมิภาค
นอกจากนี้ยังมีบิ๊กล็อต TU ซื้อหุ้น RBF จำนวน 200 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 3,000 ล้านบาท ราคาเฉลี่ยหุ้นละ 15 บาท ถูกกว่าตลาดเกือบ 24%เทียบกับราคาปิดที่ 19.70 บาท
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลง จากปัจจัยที่กดดันทั้งใน และต่างประเทศ ไทยขยายเพดานหนี้สาธารณะขึ้นเป็น 70% ต่อ GDP จากเดิมตั้งไว้ที่ 60% และการนำเกณฑ์การติดแคชบาลานซ์มาพิจารณาประกอบในการคำนวณหุ้นเข้า SET50 ด้วย ซึ่งปัจจุบันยังอยู่ในขั้นตอนการรับฟังความเห็นจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง
ส่วนปัจจัยกดดันจากต่างประเทศ มาจากความเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้ของบริษัทเอเวอร์แกรนด์ บริษัทอสังหาริมทรัพย์อันดับ 2 ของจีน กระทบต่อตลาดหุ้นฮ่องกง ร่วงกว่า 3% อีกทั้งตลาดดาวโจนส์ ฟิวเจอร์สยังเปิดการซื้อขายในแดนลบด้วย ตามบรรยากาศการลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง และยังมีความเสี่ยงของการประชุมของเฟด ที่อาจจะเริ่ม กำหนดช่วงเวลาการใช้ QE Tapering ที่ชัดเจน ,การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และการขึ้นภาษีบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ
” ช่วงนี้อยากให้นักลงทุนระมัดระวัง คาดสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวทรงๆ บริเวณ 1,600 จุด แต่ถ้าหลุดไปแล้ว แนวรับทางเทคนิคถัดไปที่ 1,585 จุด และแนวต้านที่ 1,615 จุด กลยุทธ์ แนะนำเลี่ยงหุ้นขนาดใหญ่ จากความเสี่ยงเม็ดเงินลงทุนต่างประเทศไหลออก ค่าเงินบาทอ่อน อยู่ที่ระดับ 33.34 บาทต่อดอลลาร์ และความเสี่ยงจากการใช้ QE Tapering รวมถึงการปรับทยอยลดความเสี่ยงของนักลงทุนก่อนการประชุมเฟดด้วย ซึ่งควรเลือกหุ้นเฉพาะตัว ที่มีปัจจัยเด่น แนะนำ GFPT ,NER และTU”นายวิจิตร กล่าว
ด้านตลาดหลักทรัพย์เปิดรับฟังความเห็นปรับปรุงการคำนวณดัชนี เริ่มตั้งแต่วันที่ 20 ก.ย.-1 ต.ค. คาดว่าจะนำมาใช้ในเดือนธ.ค.นี้ เล็งถอดหุ้นที่มีฟรีโฟลทต่ำ มูลค่าซื้อขายน้อย และหุ้นติดแคชบาลานซ์ทุกระดับ เพื่อลดความผันผวนของตลาดและสะท้อนภาพที่แท้จริง ทั้งนี้ หุ้น DELTA ตกเป็นเป้าหมาย ส่งผลให้ราคาไหลลงแรงตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา และต่อเนื่องมาถึงวันนี้ ติดลบ 10 บาทหรือ -1.77% ปิดที่ 556 บาท แม้ยังปรับตัวลงน้อยกว่าหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มแบงก์ และสื่อสารก็ตาม แต่มีความเสี่ยงที่จะไหลลงต่อ
บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า เฟดจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.0-0.25% และน่าจะยังคงไม่ประกาศลดวงเงิน QE ในการประชุมนโยบายการเงินที่จะมีขึ้นในวันที่ 21-22 ก.ย. นี้ คงเป็นเพียงการส่งสัญญาณระมัดระวังต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ หลังจากเครื่องบ่งชี้เศรษฐกิจบางตัวออกมาต่ำกว่าที่คาด