กรณีตุ๋นบิทคอยน์ 797 ล้านบาท มีการโอนหุ้น DNA ล็อตใหญ่ “ภัทธีรา”ลั่น ตลาดทุนไทยเปิดสำหรับทุกคน การโอนหุ้นข้ามชื่อ ตลาดหลักทรัพย์มีกฎเกณฑ์ ต้องทำผ่านศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ หรือซื้อขายหุ้นในกระดาน
นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ รองประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) เปิดเผย www.hoonsmart.com ถึงกรณีที่มีข่าวการโกงบิทคอยน์มูลค่า 797 ล้านบาทของนักลงทุนต่างประเทศ และเกี่ยวโยงเข้ากับบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ว่า เป็นเรื่องใหม่ที่เกิดขึ้นสำหรับตลาดทุนไทย ขณะนี้ยังไม่ทราบรายละเอียดในเรื่องนี้ดี จึงให้ความเห็นอะไรไม่ได้
อย่างไรก็ตาม ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นตลาดเปิดสำหรับทุกคน มีกฎหมายดูแล มีผู้คุมกฎ ผู้ที่จะเข้ามาทำธุรกิจจะต้องได้รับใบอนุญาต และที่ผ่านมาตลาดมีการปรับปรุงหลักเกณฑ์ให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงอยู่หลายครั้ง เช่น การโอนหุ้น มีการห้ามโอนหุ้นข้ามชื่อมานานเป็นปีแล้ว หากจะซื้อหรือขาย หรือเปลี่ยนมือกัน จะต้องดำเนินการที่ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือผ่านตลาดหลักทรัพย์ เพื่อความโปร่งใสและมีการทำธุรกรรมที่ชัดเจน
ทั้งนี้การทำรายการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ผ่านตลาดหลักทรัพย์มีความโปร่งใสที่สุด โบรกเกอร์มีกระบวนการในการรู้จักลูกค้า(KYC) และรู้แหล่งที่มาของเงินลงทุน ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นนี้ ไม่ทราบว่ามีการเปลี่ยนมือกันที่ใด
“ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นตลาดเปิดสำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนไทยหรือต่างประเทศ ทำหน้าที่ศูนย์กลางในการซื้อขายหลักทรัพย์ ไม่ใช่เป็นแหล่งที่จะสนับสนุน หรือเอื้ออำนวยให้ใครเข้ามากระทำความผิด”นางภัทธีรา กล่าว
ขณะเดียวกัน บริษัทจดทะเบียน (บจ) ก็ควรมีความระมัดระวังในเรื่องของการหาผู้ร่วมลงทุน หรือการหาธุรกิจใหม่เข้ามา นอกจากนี้ต้องพิจารณาว่าเงินทุนที่จะเข้ามาใหม่ ช่วยสร้างหรือทำให้บริษัทเจริญก้าวหน้าอย่างไร เพื่อดูแลผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นทุกคน
ที่ผ่านมาตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยส่งเสริมให้บริษัทจดทะเบียน และผู้ที่เกี่ยวข้อง มีการเปิดเผยข้อมูลให้มากที่สุด เพื่อช่วยสร้างขบวนการตรวจสอบในหลายเรื่อง เช่น การดำเนินงาน พร้อมปลูกฝั่งในเรื่องการมีบรรษัทภิบาบาล(ซีจี)ที่ดี
ทั้งนี้ นายปริญญา จารวิจิต รายงานสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ว่า วันที่ 29 ม.ค.2561 ที่ผ่านมา ได้จำหน่ายหุ้นบริษัท ดีเอ็นเอ 2002 (DNA) จำนวน 8.05% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ คงเหลือจำนวน 1.76% และในวันเดียวกัน นายธรรมนัส พรหมเผ่า แจ้งการได้มาหุ้น DNA จำนวน 8.05% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ