STEC ยกเลิกซื้อกิจการ “เอส ที ไอ ที” จาก STPI หลังโควิดฉุดผลตอบแทนไม่คุ้มลงทุน

HoonSmart.com>> บอร์ด ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งฯ ลงมติให้ยกเลิกเข้าซื้อกิจการ “เอส ที ไอ ที” บริษัทย่อยของ STPI บริษัทในกลุ่ม หลังประเมินผลตอบแทนการลงทุนไม่คุ้มค่า ผลกระทบการระบาดโควิด-19 ฉุด IRR ลดเหลือ 0.16% จากเดิมประเมินไว้ 16.53%

นายภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (STEC) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 9 ก.ย.2564 มีมติอนุมัติไม่ให้เข้าทำรายการซื้อกิจการบริษัท เอส ที ไอ ที ซึ่งเป็นบริษัทย่อยจากบริษัท เอสทีพี แอนด์ ไอ (STPI) หลังจากคณะกรรมการได้พิจารณาด้วยหลักความระมัดระวีง รวมถึงเพื่อเป็นการรักษาผลประโยชน์ของบริษัทฯ และผู้ถือหุ้นเห็นว่าการลงทุนซื้อกิจการของบริษัท เอส ที ไอ ที ในราคาและเงื่อนไขการชำระเงินเดิมไม่คุ้มค่าต่อการลงทุน โดยจะนำเสนอรายงานให้ผู้ถือหุ้นในรอบการประชุมคราวถัดไป

ทั้งนี้ ตามที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อ 24 ก.ย.2563 มีมติให้ซื้อกิจการบริษัท เอส ที ไอ ที เนื่องด้วยเล็งเห็นว่ากิจการของเอส ที ไอ ที จะช่วยสานประโยชน์และส่งเสริมการทำธุรกิจของบริษัทฯ โดยจะสร้างความมั่นคงในการจัดหาเครื่องจักรและอุปกรณ์ เพื่อรองรับการดำเนินงานและการบริหารเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงกิจการดังกล่าวให้ผลตอบแทนการลงทุน (Equity IRR) ที่ 16.53% ซึ่งเป็นผลตอบแทนการลงทุนที่อยู่ในระดับที่ดี

อย่างไรก็ตามด้วยสถานการณ์โรคระบาด Covid-19 ที่เกิดการระบาดอย่างรุนแรงระลอกใหม่ตั้งแต่เดือนม.ค.2564 และยังรุนแรงมากยิ่งขึ้นหลังเดือนเม.ย.2564 จนถึงปัจจุบันยังคงระบาดอย่างรุนแรงต่อเนื่อง ส่งผลระทบต่อประเทศโดยรวมทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคม การเปิดประมูลงานโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐล่าช้าออกไป รวมทั้งงานก่อสร้างของภาคเอกชนก็ชะลอออกไปเช่นกัน ซึ่งคาดว่ายังไม่ฟื้นตัวในระยะเวลาอันใกล้ อันจะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการลงทุนในกิจการของเอส ที ไอ ที

ดังนั้น เพื่อความมั่นใจบริษัทฯ จึงได้ว่าจ้างที่ปรึกษาทางการเงินบริษัท ซี.เจ.มอร์แกน ที่ปรึกษาทางการเงิน ในการร่วมกันจัดทำประมาณการทางการเงินใหม่ ภายใต้สมมติฐานที่เปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญจากผลกระทบการระบาด Covid-19 ผลปรากฎว่า เมื่อพิจารณาจากเงินลงทุน การเข้าทำรายการจะทำให้ผลตอบแทนของผู้ถือหุ้นลดลงเหลือ 0.16% จากเดิมที่ประเมินไว้ 16.53% ซึ่งเป็นผลตอบแทนที่ไม่คุ้มค่าการลงทุนในห้วงเวลานี้ รวมถึงเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญที่ได้เสนอไว้ต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2563 เมื่อวันที่ 27 พ.ย.2563

บริษัทฯ ได้เจรจาสอบถามราคาซื้อขายกิจการเอส ที ไอ ทีกับบริษัท เอสทีพี แอนด์ ไอ แล้วและได้รับคำตอบยืนยันราคาเดิม ทั้งสองฝ่ายจึงไม่บรรลุข้อตกลงร่วมกัน

นอกจากนี้คณะกรรมการบริษัทฯ ได้ประเมินผลกระทบจากการยกเลิกการลงทุน ไม่มีผลกระทบดานกฎหมายเนื่องจากยังไม่ได้เข้าทำนิติสัมพันธ์ ธุรกรรมซื้อขายแต่อย่างใด ส่วนผลกระทยด้านการเงิน เนื่องจากการยกเลิกการลงทุนในบริษัทอื่น ทำให้บริษัทฯ กลับมามีกระแสเงินสดและสภาพคล่องสำหรับการดำเนินธุรกิจหลักที่ดียิ่งขึ้น รวมทั้งยังไม่ได้ทำสัญญาซื้อหุ้น จึงไม่มีประเด็นในเรื่องค่าปรับ ค่าเสียโอกาสและค่าเสียหายต่างๆ ส่วนผลกระทบต่อการดำเนินงาน บริษัทฯ ได้สั่งการให้หน่วยงานศูนย์เครื่องจักรกล ศูนย์บริหารพัสดุและอุปกรณ์ก่อสร้างที่มีอยู่เดิมให้มีการปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องมืออุปกรณ์ การซ่อมบำรุง ตลอดจนบุคลากรให้สามารถรองรับการดำเนินงานในปัจจุบันได้อย่างเพียงพอและมีประสิทธิภาพในระบดับหนึ่ง


อ่านข่าว

STEC ซื้อกิจการ “เอสทีไอ” จาก STPI มูลค่า 674 ลบ.