HoonSmart.com>>บลจ.เอ็มเอฟซี พิสูจน์ความเป็นผู้นำด้านการลงทุน ทะยานสู่ “ผู้จัดการกองทรัสต์” โรงพยาบาลแห่งแรกในไทย “BHGRT” ลงทุนสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เครือโรงพยาบาลบางปะกอก มูลค่าโครงการ 5,200 ล้านบาท พร้อมเป็นทรัสตีรายแรกของกองโทเคน “โทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนสิริฮับ” พร้อมโชว์ผลประกอบการครึ่งปีแรกกำไร 184 ล้านบาท เติบโต 192%
นายธนโชติ รุ่งสิทธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี (MFC) เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมรับหน้าที่เป็น “ผู้จัดการกองทรัสต์” โดยยื่นไฟลิ่งขอจัดตั้งและเสนอขายกองทรัสต์โรงพยาบาลแห่งแรกของประเทศไทยคือ “ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เครือโรงพยาบาลบางปะกอก” (BHGRT) คาดมูลค่าเข้าลงทุนครั้งแรกไม่เกิน 5,200 ล้านบาท จะเข้าลงทุนในสิทธิการเช่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างโครงการโรงพยาบาลบางปะกอก 1 (BPK 1) และโรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล (BPK 9)
รวมถึงระบบสาธารณูปโภค งานระบบและสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ซึ่งเป็นส่วนควบของสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว และกรรมสิทธิ์ในอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่สำคัญต่าง ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการดำเนินกิจการในโครงการดังกล่าว โดยมีบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วรรณ จำกัด เป็นทรัสตี และธนาคารกรุงศรีอยุธยา ร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
“การเข้าเป็นผู้จัดการกองทรัสต์ BHGRT นั้นจะเป็นการเพิ่มความหลากหลายของประเภททรัพย์สินที่ MFC บริหารจัดการ ช่วยเพิ่มความน่าสนใจและเพิ่มโอกาสในการเป็นผู้จัดการกองทรัสต์ของทรัพย์สินประเภทอื่น ๆ ในอนาคต”นายธนโชติ กล่าว
ในขณะเดียวกัน จากความเชี่ยวชาญและคุณสมบัติครบถ้วนด้านการบริหารจัดการกองทุน จนสร้างความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง MFC จึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็น ทรัสตี ในโครงการ “โทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนสิริฮับ” หรือ “SiriHub Investment Token” มีหน้าที่จัดการกองทรัสต์ และติดตาม ดูแลการบริหารจัดการทรัพย์สินของผู้ออกโทเคนดิจิทัล ซึ่ง MFC เป็นทรัสตีรายแรกของไทย ที่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ให้ประกอบธุรกิจการเป็นทรัสตีของทรัสต์สำหรับธุรกรรมการเสนอขายโทเคนดิจิทัลที่อ้างอิงหรือมีกระแสรายรับจากอสังหาริมทรัพย์ เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.2564 ที่ผ่านมา
ด้าน “สิริฮับ” เป็นโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนที่อ้างอิงกระแสรายรับจากอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate-backed ICO) รายแรกในไทย ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เมื่อวันที่ 29 ก.ค.2564 มีมูลค่าการเสนอขาย 2,400 ล้านบาท
จุดประสงค์เพื่อกระจายโอกาสให้นักลงทุนทุกกลุ่มสามารถลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มีคุณภาพและมีมูลค่าสูงได้ โดยมีกลไกการคุ้มครองนักลงทุนในทุกขั้นตอน ปลอดภัยสูงบนเทคโนโลยีบล็อกเชน เนื่องจากในการเสนอขายโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนสิริฮับครั้งนี้ ถูกรองรับด้วยเทคโนโลยีระบบบล็อกเชน (Blockchain) ของเทโซส (Tezos) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มบล็อกเชนที่ทันสมัยที่สุดถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการระดมทุนในรูปแบบของโทเคนดิจิทัลที่มีสินทรัพย์อ้างอิงโดยเฉพาะ ยังเป็นการขยายช่องทางและโอกาสการเป็นทรัสตีในอนาคตอีกด้วย
“ด้วยศักยภาพและความพร้อมของทีมงาน MFC ประกอบกับประสบการณ์ด้านการลงทุนที่ประสบความสำเร็จมาอย่างยาวนาน ทำให้บริษัทได้รับความไว้วางใจจนสามารถเข้ารับงานบริหารการลงทุนได้พร้อมกันถึง 2 แห่ง เป็นทั้งผู้จัดการกองทรัสต์โรงพยาบาลรายแรกในไทย และทรัสตีรายแรกของกองโทเคน ซึ่งบริษัทตั้งเป้าขยายทีมงานและพัฒนาทักษะการดำเนินงานของทุกภาคฝ่าย ให้มีความพร้อมและแข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพื่อเตรียมรับการเข้าบริหารงานกองทุนในโครงการใหม่ๆที่กำลังจะมีเข้ามาในอนาคต”นายธนโชติ กล่าว
นอกจากการบริหารจัดการกองทุนเพื่อการลงทุนแล้ว MFC มีนโยบายต่อยอดงานบริหารจัดการให้กว้างขึ้นผ่านประเภทการลงทุนรูปแบบใหม่ที่จะทำให้เกิดผลตอบแทนที่คุ้มค่า มั่นคง และปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในประเทศหรือต่างประเทศก็ตาม ซึ่งสะท้อนออกมาในรูปแบบผลการดำเนินงานที่ดีในครึ่งแรกของปี 2564 ตามที่บริษัทได้รายงานผลการดำเนินงานสำหรับรายได้งวด 6 เดือนแรกในปี 2564 ว่ามีจำนวน 826.62 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 106.63% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ในขณะที่กำไรสุทธิสำหรับงวด 6 เดือน มีจำนวน 183.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 120.65 ล้านบาท หรือ 191.74%
สาเหตุหลักจากการที่ปี 2564 บริษัทจัดตั้งกองทุนรวมใหม่จำนวน 10 กองทุน มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 8,223 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 314.3 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นจำนวนลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น 998.4% และมีกองทุนที่โดดเด่น ที่เป็นกองทุนยอดนิยม คือ MRENEW กองทุนพลังงานทดแทนกองแรกในไทย, M-EM กองทุนตลาดเกิดใหม่, MFTECH กองทุนฟินเทค, MEURO กองทุนหุ้นยุโรป, MCHINA กองทุนหุ้นจีน A-shares, MGF กองทุนหุ้นเติบโตคุณภาพดีทั่วโลก และ MMPLUS กองทุนตราสารหนี้เป็นต้น โดยมีปัจจัยจากการปรับขยายช่องทางการขายผ่านตัวแทนขายเพิ่มขึ้นมาเสริม ส่งผลให้ผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2564 เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
ณ วันที่ 30 มิ.ย.2564 บริษัทมีอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นรวมอยู่ที่ 31.55 % และมีอัตรากำไรสุทธิต่อรายได้รวมเท่ากับ 22.21% ซึ่ง MFC ทำหน้าที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนได้อย่างสมบูรณ์แบบและจะพัฒนาได้ดียิ่งๆขึ้นไปในอนาคต
อ่านข่าว
“เครือรพ.บางปะกอก” ยื่นไฟลิ่งตั้งกองทรัสต์โรงพยาบาลมูลค่า 5.2 พันลบ.