HoonSmart.com>> กูรูมองแนวโน้มเศรษฐกิจจีนเติบโตระยะยาว เดินตามแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี รัฐจัดระเบียบกระทบระยะสั้น “บลจ.เอ็มเอฟซี” ชี้หุ้นจีนปรับฐาน กดราคาหุ้นไม่แพง ด้านปัจจัยพื้นฐานไม่เปลี่ยน คาดกำไรบริษัทเติบโตโดดเด่น โอกาสลงทุนหุ้นจีน ผ่านกองทุน MECHEVO เน้น 5 ธีมลงทุนธุรกิจได้ประโยชน์จากการเติบโตระยะยาวของพัฒนาการทางเศรษฐกิจและสังคม
ดร.อักษรศรี พานิชสาสน์ ผู้เชี่ยวชาญด้าน เศรษฐกิจจีน อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวในงานสัมมนาออนไลน์ หัวข้อ “ส่องกองทุนหุ้นแดนมังกร ลงทุนอย่างไรให้รุ่งกับ กองทุน MCHEVO” จัดโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี (MFC) ว่า ภาพรวมเศรษฐกิจจีนในระยะยาวยังมีโอกาสเติบโต โดยมีโมเดลเศรษฐกิจใหม่เป็นเศรษฐกิจวงจรคู่ (Dual Circulation Model) ลดการพึ่งพาโลก ขับเคลื่อนด้วยการบริโภคภายในประเทศ สะท้อนจากแผนพัฒนาประเทศจีน 5 ปี ฉบับที่ 14 ของจีน จะเป็นตัวชี้นำเศรษฐกิจให้เดินหน้า หลังยุคโควิด 19 ที่ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีและนวัตกรรมมมากขึ้น
แผนการพัฒนาฉบับใหม่ของจีนจะไม่เน้นการเติบโต แต่เน้นความมั่นคง 3 ด้าน ได้แก่ ความมั่นคงด้านสาธารณสุข ความมั่นคงด้านอาหารและความมั่นคงด้านพลังงาน การมุ่งสู่พังงานสะอาด ขณะที่เศรษฐกิจจีนเป็นประเทศเดียวในโลกที่มีการขยายตัวของเศรษฐกิจในปีที่ผ่านมา และต่อเนื่องมายังไตรมาส 1/2564 เติบโต 18.3% และไตรมาส 2/64 เติบโต 7.9% ซึ่งภาพรวมการบริโภค การส่งออก การผลิตจีนยังเติบโตดีต่อเนื่อง
“จีนไม่เน้นการเติบโต GDP แต่ก็โต โดยจะเน้นการจ้างงาน ทำให้คนในประเทศมีงานทำ มีรายได้และบริโภค ซึ่งขับเคลื่อนด้วยตัวนี้ จึงอยากให้มั่นใจจีนต้องมองระยะยาว ตามแผนยุทศาสตร์ที่วางไว้ แม้จะมีการจัดระเบียบของภาครัฐ แต่ภาพใหญ่เชื่อว่าจีนไปต่อ วิ่งฉิว พร้อมจะวิ่งต่อไป”ดร.อักษรศรี กล่าว
อย่างไรก็ตามจีนมุ่งเน้นการเติบโตแบบมีเสถียรภาพ จึงออกมาควบคุมกฎระเบียบซึ่งกระทบบางธุรกิจ เช่น บริษัทเทคโนโลยีและล่าสุดโรงเรียนกวดวิชา
ดร.อักษรศรี กล่าวว่า สำหรับธุรกิจที่อาจต้องระวังว่ารัฐอาจเข้ามาควบคุมมากขึ้น ได้แก่ 1.ธุรกิจที่เกี่ยวข้องความมั่นคง ข้อมูลที่อ่อนไหว เช่นเดียวกับ DIDI ไม่ใช่แค่แอพเรียกรถแต่มีข้อมูลผู้ใช้งาอยู่จำนวนมาก ข้อมูลแผนที่การเดินทาง ซึ่งการไป IPO ต่างประเทศจึงกลัวว่าต่างชาติจะล่วงข้อมูลได้
2.ธุรกิจที่มีแนวโน้มการผลิตล้นเกินในบางธุรกิจ เช่น โซลาร์เซลในอดีต และ 3.ธุรกิจที่เกี่ยวข้องเสถียรภาพ เช่น การเงิน นวัตกรรม อาจมีการชะลอบ้าง เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ตัดไฟแต่ต้นลม จัดการเพื่อสิ่งที่ดีกว่า เช่น โรงเรียนกวดวิชา ซึ่งมีการสอนอยู่แล้วในโรงเรียน แต่หากเป็นมหาวิทยาลัย ถ้าเป็นเอดูเทค ทำให้ระบบการศึกษาจีนมีประสิทธิภาพมากขึ้น มีเทคโนโลยีมาช่วยการเรียนการสอน จีนสนับสนุน
นายเชาวน์กร โชติบัณฑ์ Head of Investment Strategy บลจ.เอ็มเอฟซี กล่าวว่า ประเด็นที่รัฐเข้ามาควบคุมธุรกิจของจีนนั้นมองว่าเป็นปัจจัยลบระยะสั้น ขณะที่การเติบโตของจีนสูงกว่าประเทศอื่นๆ การเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนปี 2565 คาดเติบโต 16.01% ปี 2566 เติบโต 15.11% สูงกว่าประเทศอื่นๆ ส่วนใหญ่อยู่ที่ประมาณ 10% ขณะที่ราคาหุ้นที่ปัจจุบันปรับตัวลงมาอยู่ในระดับไม่แพง ด้านปัจจัยพื้นฐานไม่ได้เปลี่ยน จึงมองเป็นโอกาสในการลงทุนระยะยาวและเติบโตไปพร้อมกับจีน
บลจ.เอ็มเอฟซี นำเสนอกองทุนเอ็มเอฟซี ไชน่า เอโวลูชั่น (MFC China Evolution Fund) หรือ MCHEVO เปิดขายระหว่างวันที่ 2-10 ส.ค.64 เน้นธุรกิจที่ได้รับประโยชน์จากปัจจัยสนับสนุนด้านนโยบายของรัฐบาลจีน เช่น นโยบาย “Made In China 2025” ที่จะปฏิรูปโครงสร้างทางเศรษฐกิจจีนไปสู่ “New Economy” โดยเน้นเรื่องนวัตกรรมและเทคโนโลยี, นโยบาย “Dual Circulation”, แผนพัฒนาประเทศจีน 5 ปี (ฉบับที่ 14), “2035 Vision Plan”, และ “Healthy China 2030” และได้รับแรงหนุนจากปัจจัยด้านโครงสร้างประชากรจีนที่มีอายุเฉลี่ยสูงขึ้น ที่ชนชั้นกลางมีรายได้สูงขึ้นและความต้องการคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
สำหรับเป้าหมายการลงทุนกองทุน MCHEVO จึงเน้นลงทุนในหุ้นที่มีโอกาสเติบโตสูงกว่าค่าเฉลี่ยใน 5 ธีมลงทุน ที่ได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมของสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้แก่ หุ้นกลุ่มการบริโภค, หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี, หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมอัตโนมัติ, หุ้นกลุ่มพลังงานสะอาดและยานยนต์ไฟฟ้า, หุ้นกลุ่มนวัตกรรมการแพทย์และสาธารณสุข โดยลงทุนผ่านสองกองทุนหลักที่มีการบริหารเชิงรุก (Active) ได้แก่ 1.Global X China Innovator Active ETF เป็นกองทุนรวม ETF และ 2. T. Rowe Price China Evolution Equity Fund
“ช่วงที่ผ่านมานักลงทุนเทขายหุ้นโดยไม่ดูพื้นฐาน ซึ่งตลาดหุ้นจีนที่ปรับฐานลงในช่วงที่ผ่านมาส่งผลให้ราคาหุ้นในพอร์ตกองทุนเมื่อเทียบกับราคาเป้าหมายจากบลูมเบิร์กมีอัพไซด์ 35% ขณะที่พี/อีของพอร์ตอยู่ที่ 34 เท่า ถือว่าไม่ได้สูงมาก เนื่องจากเป็นหุ้นเติบโต ส่วนการเติบโตของกำไร 34.5% PEG เท่ากับ 1 เท่า ถือว่าค่อนข้างถูกสำหรับหุ้นเติบโต”นายเชาวน์กร กล่าว
ด้านผลตอบแทนของพอร์ตการลงทุนจำลองของกองทุน MCHEVO ย้อนหลัง 12 เดือนผลตอบแทน 85.3% ขณะที่ดัชนี MSCI ALL CHINA TRI อยู่ที่ 38.7% เท่านั้น ซึ่งกองทำได้ดีกว่าถึง 40% ส่วนผลตอบแทนย้อนหลัง 17 เดือนกองทุนทำได้ 115.3% ขณะที่ MSCI ALL CHINA TRI อยู่ที่ 31.7% ซึ่งกองทุนทำได้ดีกว่า 80% ขณะที่ความผันผวนของพอร์ตกองทุนอยูที่ 23.6% ดัชนีอยู่ที่ 22.8% ซึ่งเพิ่มขึ้นเล็กน้อยแต่ผลตอบแทนสูงขึ้นมาก ด้าน Maximal Drawdown กองทุนมีผลขาดทุนมากสุดประมาณ 20% ต้นๆ ไม่ถึง 25% ซึ่งใกล้เคียงตลาด
“ถึงแม้เป็นผลตอบแทนจากในอดีต แต่เราเชื่อฝีมือผู้จัดการกองทุนว่าจะสามารถทำผลตอบแทน Outperform ได้ แม่จะไม่ได้บวกเป็น 100% เหมือนที่ผ่านมา แต่จีนมีความมั่นคงและยั่งยืน ซึ่ง 1 ปีเกิดโควิด จีนเป็นประเทศแรกของโลกที่ฟื้นตัว หุ้นจึงบวกขึ้นแรงและมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากหลายๆประเทศ หุ้นขึ้นทั่วโลก ทำให้หุ้นจีนได้ประโยชน์ขึ้นแรงด้วย “นายเชาวน์กร กล่าว
อย่างไรก็ตามมองว่าแม้การเติบโตของตลาดหุ้นจีนอาจไม่สูงมากเท่าที่ผ่านมา แต่จีนมีความมั่นคง ยั่งยืนและเชื่อว่าความสามารถของผู้จัดการกองทุนจะทำผลงานให้กองทุน Outperform ได้
“เราพยายามผสมสัดส่วนการลงทุนของพอร์ตไม่ให้ระดับความเสี่ยงกองทุนไม่สูงจนเกินไป กระจายการลงทุนในหุ้นขนาดกลาง เล็กและใหญ่ ครอบคลุมตลาดหุ้น A-Share, H-Share, ADR และมีความเสี่ยงไม่ได้สูงกว่าตลาด อีกทั้งจุดเด่นของกองทุนบริหารเชิงรุก ปรับพอร์ตได้ตามสภาวะตลาด”นายเชาวน์กร กล่าว
ด้านดร.ชาญวุฒิ รุ่งแสวงมนูญ, FRM ผู้ข่วยกรรมการผู้จัดการ กองทุนต่างประเทศ บลจ.เอ็มเอฟซี กล่าวว่า กองทุนมีการบริหารความเสี่ยงโดยวางสัดส่วนการลงทุนไม่ให้ผันผวนไปกว่าเป้าหมายที่วางไว้ โดยกองทุน MCHEVO มีการกระจายการลงทุนทั้งในหุ้นขนาดใหญ่ กลางและเล็กผ่านกองทุนหลักทั้ง 2 กอง
“มอง Downside จากนี้มีจำกัด ซึ่งจากการพูดคุยกับนักลงทุนระยะยาวมองว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับจีนในระยะสั้น แต่ในระยะยาวจีนไม่เปลี่ยน Upside หุ้นจีนเปิดมากขึ้นจากราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมาจากความกังวลการจัดระเบียบของทางการจีน เพื่อให้ประเทศมีการเติบโตแบบมีเสภียรภาพ มั่นคง”ดร.ชาญวุฒิ กล่าว
อ่านข่าว
MFC มอง “หุ้นจีน” ปรับฐานจังหวะลงทุน ส่งกอง MCHEVO เน้น 5 ธุรกิจดาวรุ่ง