PTTGC ลั่นโกยกำไรจาก Allnex ปี 65 ย้ำห่างไกลเพิ่มทุน

HoonSmart.com>> “พีทีที โกลบอล เคมิคอล” คาดเริ่มรับรู้กำไรการลงทุน Allnex ในปี 2565 เผยศึกษาซื้อธุรกิจ High Value Business เพิ่ม ย้ำเงินทุนแข็งแกร่ง ไม่ต้องเพิ่มทุน ด้านผลประกอบการ Allnex ปี 64 คาดมีรายได้ 2 พันล้านยูโร กำไรสุทธิเท่ากับ 50% ของ EBITDA ระดับ 400-500 ล้านยูโร  วางแผนทำกลยุทธ์ร่วมกันหนุน EBITDA Margin รวมปีหน้าโตขึ้น 2%  ส่วน PTTGC ปีนี้ตั้งเป้าปริมาณขายเติบโต 8-10%

ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง

ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) เปิดเผยว่า บริษัทฯคาดว่าจะเริ่มมีรายได้จากการซื้อบริษัท Allnex Holding GmbH ตั้งแต่ต้นปี 2565 เนื่องจากรอผลการอนุมัติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆในแต่ละประเทศ โดยคาดว่าจะได้รับอนุมัติทั้งหมด ทำให้ผลการซื้อกิจการเสร็จสิ้นได้ภายในไตรมาส 4/2564  นอกจากนี้ยังมีการศึกษาลงทุนในธรุรกิจที่มี High Value Business (HVB) อื่นๆเพิ่มเติม แต่ขนาดไม่ใหญ่เท่า Allnex

ด้านเงินลงทุน ดร.คงกระพัน ย้ำว่า ยังห่างไกลการเพิ่มทุนมาก มีเงินเพียงพอต่อการซื้อกิจการ หนี้รวมมูลค่ากว่า 4,000 ล้านยูโร คิดเป็น 10 เท่าของ EV/EBITDA ถือว่าเหมาะสม เนื่องจากบริษัทกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน ณ สิ้นไตรมาส 1/2564 อยู่ที่ระดับ 100,000 ล้านบาท มีวงเงินจากการลดการลงทุนส่วนอื่นๆ และขายหุ้น GPSC ทำให้มีเงินซื้อกิจการ Allnex เพิ่มอีก 55,000 ล้านบาท อีกทั้งยังมีวงเงินกู้จากบริษัท ปตท. (PTT) อีก 74,000 ล้านบาท และวงเงินให้ยืมจากสถาบันเงินอีก 15,000 ล้านบาท ทั้งนี้ยังไม่รวมกับกระแสเงินสดจากการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปี 2564 และวงเงินที่กู้ยืมได้มาก จากปัจจุบันมีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) อยู่ที่ 0.3 เท่า

ขณะที่รายได้ของ Allnex ในปี 2564 คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 2,000 ล้านยูโร โดยมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA)อยู่ที่ 400-500 ล้านยูโร คาดว่าจะมีกำไรสุทธิอยู่ที่ประมาณ 50% ของ EBITDA  หลังจากซื้อกิจการแล้ว คาดว่า EBITDA Margin ของ PTTGC จะปรับตัวดีขึ้น 2% จากเดิมอยู่ที่ระดับ 8-9% เนื่องจาก EBITDA Margin ของ Allnex สูงกว่าของบริษัทอยู่ที่ 16-17%

สำหรับกลยุทธ์ร่วมกันของบริษัทฯ และ Allnex จะช่วยส่งเสริมกันทั้งการทำธุรกิจ โดยการจัดหาวัตถุดิบให้ Allnex และช่วยขยายตลาดเอเชียและจีน เพิ่มมากยิ่งขึ้น รวมถึงทั้งสองบริษัทสามารถเข้าถึงแหล่งเงินระดมทุนในหลากหลายช่องทางที่เพิ่มขึ้น และได้ต้นทุนที่ถูกลง

“Allnex เป็นบริษัท Coating Resins อันดับต้นๆของโลก ที่มีการกระจายความเสี่ยงในหลากหลายอุตสาหกรรม  มีโรงงานการผลิตถึง 33 แห่ง และศูนย์การวิจัยและเทคโนโลยีกว่า 23 แห่งทั่วโลก รวมถึงเป็นผู้ครองตลาดด้วยส่วนแบ่งการตลาดถึง 10% ใน Industrial Coating Resins ที่มีมูลค่ากว่า 18,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้การซื้อกิจการครั้งนี้จะทำให้เราเติบโตขึ้นได้อย่างแข็งแกร่งขึ้นอีกมาก และสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีแก่ผู้ถือหุ้นได้” ดร.คงกระพัน กล่าว

ส่วนภาพรวมธุรกิจของบริษัทฯในช่วงไตรมาส 2/2564 อาจจะเติบโตเท่ากับไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากมีบางผลิตภัณฑ์ก็มีการเติบโต บางผลิตภัณฑ์ก็ชะลอตัว เช่นเดียวกับแนวโน้มในครึ่งหลังของปี 2564 แต่บริษัทคาดว่าเป้าการเติบโตจากปริมาณการขายยังอยู่ที่ 8-10%

ด้านราคาหุ้น PTTGC  ตีกลับรุนแรง ปิดที่ 58 บาท พุ่งขึ้น 3.25 บาท หรือ 5.94% ด้วยมูลค่าการซื้อขายหนาแน่น 4,333.57 ล้านบาท วันที่ 13 ก.ค. พลิกจากเมื่อวานนี้ดิ่งลงแรง ปิดที่ 54.75 บาท -3.75 บาทหรือ -6.41%