HoonSmart.com>>”ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป”ดูดีขึ้น บล.ฟินันเซียฯเพิ่มราคาเป้าหมายจาก 22 บาท เป็น 24 บาท แถมเงินปันผลครึ่งปีนี้อีก 2% หลังเห็นการเติบโตชัดเจน 5 ปี และระยะสั้น กำไรไตรมาส 2 โตเกินคาด ค่าเงินบาทอ่อนเพิ่มแถมกำไรปี 64-65 อีก 5-6% ได้พิเศษจากส่งบริษัทลูก 2 แห่งเข้าตลาดหลักทรัพย์ ด้านบล.โนมูระฯ ปรับเป้าหมายจาก 20 บาท เป็น 22 บาท ยอดขาย-มาร์จิ้นดี คาดปี64 กำไรโต 14% เป็น 7,140 ล้านบาท
หุ้นบริษัทไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) โดดเด่น ราคาปิดที่ 21.90 บาท เพิ่มขึ้น 1 บาทหรือ 4.78% ด้วยมูลค่าการซื้อขายหนาแน่น 1,018 ล้านบาทสำหรับการซื้อขายครึ่งวันที่ 9 ก.ค. 2564 รับนักวิเคราะห์ปรับเพิ่มราคาเป้าหมาย โดยบล.ฟินันเซีย ไซรัส จัด Conference Call กับผู้บริหาร TU เมื่อวันที่ 8 ก.ค.2564ได้รับข้อมูลเชิงบวกจากแผนการเติบโตที่ชัดเจนใน 5 ปี ข้างหน้าที่จะมุ่งเน้นสู่สินค้า Mega Trend อย่างผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรม (Innovative Product ) ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าที่มาร์จิ้นสูง จะช่วยหนุนการเติบโตของกำไรได้มากขึ้น ควบคู่ไปกับการรักษารายได้ในกลุ่มสินค้าเดิม และปรับปรุงประสิทธิภาพด้วยการใช้ระบบ Automation มากขึ้น
นอกจากนี้ยังมีแผน Spin Off ธุรกิจที่มีศักยภาพอย่าง Pet Care ในปี 2565 ต่อจาก TFM ที่เตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายในปี2564
ระยะสั้นแนวโน้มกำไรไตรมาส 2/2564 สดใสกว่าที่เคยคาดอาจเติบโตได้ราว +10.8% จากไตรมาสแรก และ +16.4% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ถือเป็นระดับที่น่าประทับใจ แนวโน้มกำไรครึ่งปีหลังยังดูดีต่อเนื่องจากทั้งปัจจัยฤดูกาล การฟื้นตัวของ Red Lobster ที่ดีกว่าเป้าหมาย และค่าเงินบาทที่อ่อนค่านำไปสู่การปรับเพิ่ม
ประมาณการกำไรปี 2564-2565 ขึ้น 5-6% เป็นเติบโต 10.7% และ 9.2%ตามลำดับ และปรับเพิ่มราคาเป้าหมายปี 2564 เป็น 24 บาท จากเดิม 22 บาท
(อิง PE เดิม 17 เท่า) และคาดจ่ายปันผลงวดครึ่งปีแรก หุ้นละ 0.40 บาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทน 2%
ด้านบล.โนมูระ พัฒนสิน ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายหุ้น TU จาก 20 บาทขึ้นมาที่ 22 บาท สะท้อนแนวโน้มงบไตรมาสที่ 2/2564 ที่ยอดขายและมาร์จิ้นเด่นกว่าคาดเดิม คาดกำไรสุทธิอยู่ที่ 2023 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 12%จากไตรมาสแรก เพราะยอดขายและมาร์จิ้นเพิ่มขึ้นโดดเด่นที่อาหารแช่แข็งที่โตตามการฟื้นตัวของธุรกิจร้านอาหารสหรัฐ-ยุโรปและในไทย
นอกจากนี้ค่าเงินบาทอ่อนค่าและ economy of scale ช่วยผลักดันมาร์จิ้นด้วย ส่วน Red Lobster คาดขาดทุนลดลง ให้ TU เป็น Top pick ในกลุ่มตามธีม Reopening ในสหรัฐ-ยุโรปที่ฉีดวัคซีนได้เร็วและประชาชนกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ โดยคาดกำไรสุทธิปี 2564 ที่ 7,140 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 14% จากปี 2563
