HoonSmart.com>>หุ้นนิ่งลบ 1 จุด รอตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ผลประชุมเฟด คาดกดดันตลาดหุ้นทั่วโลก แต่ไม่มาก นักวิเคราะห์ประสานเสียงเชียร์กลุ่ม Domestic Play บล.เอเซียพลัสคัดมา 17 หุ้นเด่น ตัวใหญ่ ราคาถูก ต่างชาติสนใจ CPF-EGCO-ADVANC-MTC-BBL-RATCH-SPALI-BGRIM-WHA-DTAC-LH-BEM-BJC-BDMS-CPALL-AOT-HMPRO บล.เมย์แบงก์ชอบ CPN-MTC-M-KBANK ด้านบล.ฟินันเซียฯเสนอธีมเปิดเมือง SCB-CPALL-CPN-BDMS-EKH-CENTEL-VRANDA-SAPPE
ตลาดหุ้นวันที่ 10 มิ.ย.2564 ดัชนีปิดที่ระดับ 1,625.27 จุด ลดลง 1 จุด หรือ -0.06% มูลค่าการซื้อขาย 105,957.53 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติกลับมาขายสุทธิ 1,644 ล้านบาท ส่วนสถาบันไทยซื้อ 806 ล้านบาท นักลงทุนไทยซื้อ 608.83 ล้านบาท
นอกจากนี้มีการซื้อขายบิ๊กล็อตหุ้น BDMS จำนวน 69.22 ล้านหุ้น ราคาเฉลี่ย 22.30 บาท/หุ้น มูลค่า 1,543.66 ล้านบาท และ AOT บิ๊กล็อต 20.44 ล้านหุ้น มูลค่า 1,339 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 65.50 บาท นอกจากมีข่าวดีเรื่องการเร่งฉีดวัคซีนแล้ว เช้านี้สภาได้ลงมติผ่าน พ.ร.ก. เงินกู้ 5 แสนล้านบาท
นายภราดร เตียรณปราโมทย์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สายงายวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐเดือนพ.ค.2564 ที่จะประกาศออกมาสูง จะกดดันตลาดหุ้นไทย เช่นเดียวกันกับเดือนก่อน และในการประชุมเฟดวันที่ 15-16 มิ.ย.นี้ ต้องติดตามการพูดถึงมาตรการปรับลดเม็ดเงินที่ใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ (QE Tapering) ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อเงินทุนให้ไหลออก แต่คงไม่มาก เนื่องจากสัดส่วนต่างชาติถือครองเพียงประมาณ 20%
ขณะที่ภาพการเร่งฉีดวัคซีนในประเทศไทย ทำให้เงินทุนไหลเข้า เนื่องจากประเทศไหนที่มีการฉีดวัคซีนมากขึ้น มักจะไหลเข้าตลาดหุ้นนั้น โดยประเมินภาพรวมตลาดมีโอกาสจะปรับตัวขึ้นต่อ อีกทั้งจะส่งผลต่อการใช้จ่ายของประชาชนที่จะเริ่มกลับมาปกติ และคาดว่าจะเห็นมาตรการภาครัฐออกมากระตุ้นการใช้จ่ายอีกด้วย
“ตอนนี้ค่อนข้างจะประเมินสถานการณ์ตลาดได้ยาก จนกว่าผลการประชุมเฟดจะออกมาอย่างแน่ชัด มองว่าหุ้นไทยอาจจะยังเคลื่อนไหวได้ไม่ค่อยดีมาก และในช่วงก่อนการประชุมเฟดอาจจะมีแรงขายเพื่อลดความเสี่ยงออกมาก่อน” นายภราดร กล่าว
สำหรับการลงทุนในช่วงนี้ แนะนำหุ้นที่มีโอกาสจะปรับตัวได้ดี เน้นหุ้น Domestic Play ขนาดใหญ่ มีฟื้นฐานที่แข็งแกร่ง ,เติบโตตามการฟื้นตัวเศรษฐกิจ ,มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด(มาร์เก็ตแคป) มากกว่า 40,000 ล้านบาท และราคายังปรับตัวขึ้นช้ากว่าตลาด (Laggard) ได้แก่ CPF ,EGCO ,ADVANC ,MTC ,BBL ,RATCH ,SPALI ,BGRIM ,WHA ,DTAC ,LH ,BEM ,BJC ,BDMS ,CPALL ,AOT และHMPRO
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า การรายงานตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในคืนนี้ ทาง Consensus คาดการณ์ไว้ที่ 4.7% ซึ่งตามกรอบที่คาดไว้บริเวณ 4.5-5% มองว่าตลาดหุ้นทั่วโลกอาจจะปรับลด แต่ไม่รุนแรงมาก เนื่องจากเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นแรง มาจากปีก่อนที่อยู่ในฐานต่ำ และการอัดฉีดเม็ดเงินกระตุนเศรษฐกิจของสหรัฐ โดยต้องติดตามการประชุมของเฟดเรื่องการพูดถึงมาตราการที่จะออกมาใช้ อาทิ การปรับลดเม็ดเงินที่ใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ว่าถึงเวลาที่ต้องใช้แล้วหรือยัง หลังจากการที่ตัวเลขเงินเฟ้อออกมาดี และเศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นมาค่อนข้างดี
ส่วนทิศทางของเงินทุนไหลเข้า ที่เห็นว่านักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิตั้งแต่ 1 มิ.ย.-9 มิ.ย.2564 ประมาณ 7,521.38 ล้านบาท ในช่วงสั้นมองว่าอาจจะเข้ามาเพราะการเก็งกำไรระยะสั้น เนื่องจากตลาดหุ้นไทยยังปรับตัวขึ้นช้ากว่าตลาดประเทศ โดยในระยะยาว ต้องติดตามปัจจัยการฟื้นตัวของทั้งเศรษฐกิจและภาคการท่องเที่ยว ซึ่งคาดว่าปัจจัยเหล่านี้จะเป็นสิ่งที่ดึงดูดนักลงทุนต่างประเทศในระยะยาว และถึงจะเห็นเงินทุนไหลเข้ามาเข้ามาพยุงตลาดหุ้นไทยบ้าง
กลยุทธ์การลงทุน เริ่มเห็นหุ้นในกลุ่ม Global Play พักตัวลงมาบ้าง เนื่องจากช่วงก่อนนักลงทุนเข้าเก็งกำไรค่อนข้างมาก จึงเลือกหุ้นที่ยังปรับตัวขึ้นช้ากว่า หรือ กลุ่ม Domestic Play แนะนำหุ้นขนาดใหญ่ที่ยังฟื้นตัวช้า ได้แก่ CPN , MTC , M และ KBANK
ด้านนายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐที่เร่งตัวขึ้นมาจากฐานที่ต่ำปีก่อน หากเฟดพูดถึงการใช้ QE Tapering แต่คงค่อยๆเริ่มใช้ ยังไม่ทันที คาดว่าจะกดดันตลาดหุ้นไทย และเงินทุนจากต่างประเทศ จะไม่ไหลเข้าตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets) หรือตลาดเอเชีย
ตอนนี้มองธีมหุ้น Domestic Play ที่เกาะกระแสการเปิดเมือง หรือการกระจายวัคซีนทำได้ค่อนข้างดี อีกทั้งการเริ่ม Phuket Sandbox ในวันที่ 1 ก.ค.2564 แนะนำหุ้น SCB , CPALL , CPN , BDMS , EKH , CENTEL , VRANDA และ SAPPE