HoonSmart.com>> บลจ.ไทยพาณิชย์ ลุยตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปล่อยกองทริกเกอร์ “SCBGTTG2” IPO 18-24 พ.ค. นี้ สร้างโอกาสจากธีม Biden’s Policy เป้าหมายทริกเกอร์ 8% ภายใน 8 เดือน
นางนันท์มนัส เปี่ยมทิพย์มนัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เปิดเสนอขายกองทุนทริกเกอร์ต่อเนื่อง ได้แก่ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ Global Thematic Trigger 2 (SCB Global Thematic Trigger 2 Fund : SCBGTTG2) มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท เริ่มเสนอขายครั้งแรกระหว่างวันที่ 18 – 24 พฤษภาคม 2564 นี้ ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท โดยตั้งเป้าหมายทริกเกอร์ 8% ภายในระยะเวลา 8 เดือน
“สำหรับการลงทุนในธีม Biden’s Policy ที่ประกอบด้วยธุรกิจหลักที่ได้รับแรงสนับสนุนโดยตรง และธุรกิจที่ได้ประโยชน์จากการดำเนินนโยบายของผู้นำสหรัฐฯ เป็นการเพิ่มโอกาสการลงทุนที่จะสร้างผลตอบแทนจากธุรกิจที่ได้ประโยชน์จากนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เพื่อเป้าหมายสู่การเป็นผู้นำเศรษฐกิจโลก นอกจากนี้ กองทุน SCBGTTG2 ยังเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแบ่งรับผลตอบแทนระหว่างทางด้วยการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ 2 ครั้งไม่ต้องรอทริกเกอร์เพียงครั้งเดียวซึ่งช่วยลดความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้น นับว่าเป็นกองทุนที่ตอบโจทย์อีกกองทุนหนึ่งเช่นกัน” นางนันท์มนัส กล่าว
กองทุน SCBGTTG2 มีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศอย่างน้อย 2 กองทุนที่ลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ ทั่วโลก อาทิเช่น หน่วย CIS หน่วยของกองทุนอีทีเอฟ (ETF) กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ หน่วยทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน หรือหน่วย private equity เป็นต้น โดยจะลงทุนในกองทุนใดกองทุนหนึ่งโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่เกินร้อยละ 79 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน และพิจารณาปรับสัดส่วนการลงทุนได้ตั้งแต่ร้อยละ 0 ถึงร้อยละ 100 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม รวมทั้งกองทุนจะเข้าทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (Hedging) ตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
ทั้งนี้ กองทุนจะเน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน พลังงานสะอาด และเทคโนโลยีแห่งอนาคตในธีมการลงทุนที่ตอบรับนโยบายของ Biden ตามยุทธศาสตร์ในการผลักดันสหรัฐฯ สู่การเป็นผู้นำเศรษฐกิจโลก โดยเบื้องต้นได้แก่ 1) US Infrastructure แผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานภายในประเทศ ด้วยงบประมาณที่สูงถึง 2.25 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ 2) Smart mobility โดยคาดการณ์ว่าภายในปี 2030 เทรนด์ความต้องการใช้รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นถึง 29% 3) Semiconductors ชิ้นส่วนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีอุปสงค์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการใช้งานเพื่อตอบสนองชีวีติในยุค และ 4) Cloud Computing โดยคาดการณ์ว่าปริมาณจากการใช้ Cloud ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และในปี 2022 อาจสูงถึง 18.8%
สำหรับเงื่อนไขการทริกเกอร์แบ่งเป็น 2 ครั้ง ได้แก่ ครั้งที่ 1 ในกรณีที่หาก ณ วันทำการใดก็ตามเมื่อมูลค่าหน่วยลงทุนมีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 10.40 บาทต่อหน่วย บริษัทจัดการจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติเพียงครั้งเดียวนับแต่วันจดทะเบียนกองทรัพย์สินของโครงการเป็นกองทุนรวม และครั้งที่ 2 ในกรณีเข้าเงื่อนไขการเลิกกองทุน โดยหาก ณ วันทำการใดก็ตามเมื่อมูลค่าหน่วยลงทุนมีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 10.82 บาทต่อหน่วย บริษัทจัดการจะพิจารณารับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติในอัตราไม่ต่ำกว่า 10.80 บาทต่อหน่วย ทั้งนี้ จะทำการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนภายใน 5 วันทำการนับแต่วันที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว และจะชำระเงินค่ารับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติภายใน 5 วันทำการนับแต่วันทำการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติ โดยบริษัทจัดการขอสงวนสิทธินำเงินไปลงทุนต่อยังกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ระยะสั้นหรือกองทุนรวมตลาดเงินอื่นที่อยู่ภายใต้การบริหารของบริษัทจัดการ
อย่างไรก็ตาม หากครบกำหนดระยะเวลา 8 เดือนนับแต่วันจดทะเบียนกองทรัพย์สินของโครงการเป็นกองทุนรวมแล้ว ไม่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวข้างต้น บริษัทจัดการจะเปิดให้ผู้ถือหน่วยลงทุนสามารถซื้อ/ขาย/สับเปลี่ยนหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการซื้อขายหน่วยลงทุนที่บริษัทจัดการกำหนด จนกว่าจะเข้าเงื่อนไขการเลิกกองตามเงื่อนไขที่ระบุไว้
ทั้งนี้ มูลค่าหน่วยลงทนุเป้าหมายไม่ใช่การรับประกันผลตอบแทนจากการลงทุน และผู้ลงทุนไม่สามารถขายคืนหน่วยลงทนุใน ช่วงเวลา 8 เดือนแรก ดังนั้นหากมีปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนดังกล่าว ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก เนื่องจากกองทุนไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้