HoonSmart.com>>RT โตต่อเนื่อง คว้างานใหม่ 13 โครงการ มูลค่ารวม 688 ล้านบาท ดัน Backlog แตะ 4,240 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าประมูลงานภาครัฐ-เอกชนต่อเนื่อง เชื่อทั้งปีนิวไฮต่อ ตั้งเป้ารายได้ปี 64 โตมากกว่า 20% แรงหนุนจากการลงทุนภาครัฐ-เอกชน ลุยรับงานโครงการขนาดใหญ่ภายในประเทศ มูลค่ากว่า 1.6 แสนล้านบาท ยาวต่อเนื่องถึงปี 71
นายชวลิต ถนอมถิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไร้ท์ทันเน็ลลิ่ง (RT) กล่าวถึงกลยุทธ์ในแผนธุรกิจในปี 2564 ว่า จะมุ่งเน้นกลยุทธ์เชิงรุกรับงานในประเทศที่มีกำไร (มาร์จิ้น) สูง และงานโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของประเทศ คาดว่าจะส่งเสริมให้บริษัทมีแบ็กล็อกเพิ่มเป็น 7,000 ล้านบาทตามเป้าหมายทั้งปีนี้ โดยล่าสุดบริษัทมีโครงการที่เซ็นสัญญาแล้ว รอเซ็นสัญญา รวม 13 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 688 ล้านบาท ส่งผลให้แบ็กล็อกเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4,240 ล้านบาท โดยสามารถรับรู้รายได้ในช่วงปี 2564-2565 ในขณะที่งานต่างประเทศ โครงการก่อสร้างอุโมงค์ผันน้ำ เขื่อนเดือนตรี ประเทศกัมพูชา มูลค่า 196 ล้านบาท ปัจจุบันมีความคืบหน้าก่อสร้างแล้ว 32% คาดว่าจะส่งมอบงานได้เดือน ตุลาคม ปี 2564 นี้ เพื่อรับรู้รายได้ส่วนที่เหลือ 128 ล้านบาท หากสถานการณ์โควิด -19 คลี่คลาย สามารถเดินทางได้ปกติ บริษัทพร้อมเพิ่มโอกาสหางานใหม่ ๆ เพิ่มเติมในต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศพม่า ลาว และ กัมพูชา
สำหรับ 13 โครงการ ได้แก่ งานระบบระบายน้ำ กรมชลประทาน 1 โครงการ มูลค่า 280.4 ล้านบาท งานท่อร้อยสายไฟใต้ดิน 2 โครงการ มูลค่ารวม 146.3 ล้านบาท งานป้องกันลาดชัน กรมทางหลวง 7 โครงการ มูลค่ารวม 135.3 ล้านบาท งานก่อสร้างอุโมงค์ส่งน้ำ กรมชลประทาน 1 โครงการ มูลค่า 84.5 ล้านบาท งานป้องกันลาดชันไหล่เขา กรมชลประทาน 1 โครงการ มูลค่า 26.5 ล้านบาท และ งานก่อสร้างทาง-บำรุงถนน กรมทางหลวงชนบท 1 โครงการ มูลค่า 14.6 ล้านบาท
“ภาพรวมธุรกิจในปีนี้ มีโอกาสเติบโตสูง ด้วยปัจจัยสนับสนุนสำคัญจากการลงทุนของภาครัฐ ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจงานโครงสร้างพื้นฐานในหลายโครงการ อาทิ ระบบขนส่งทางราง งานถนน ระบบบริหารจัดการน้ำในประเทศ และโครงการการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ซึ่งงานก่อสร้างเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐาน มีมูลค่างานสูงและเป็นงานที่มีการก่อสร้างต่อเนื่อง ต้องอาศัยความรู้ความสามารถจากบริษัทที่มีประสบการณ์และความชำนาญพิเศษ ซึ่งมีผู้รับเหมาจำนวนน้อยรายที่ดำเนินธุรกิจได้แบบ RT ขณะที่งานภาครัฐที่เกี่ยวกับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เช่น การนำสายไฟฟ้าลงใต้ดิน บริษัทคาดว่าจะมีมูลค่าการลงทุนต่อปีไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท เป็นงานที่บริษัทมั่นใจที่จะเข้าให้บริการได้ ” นายชวลิต กล่าว
ส่วนงานโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ ที่บริษัทมีความสนใจเข้าไปประมูลงาน ได้แก่ ปี 2564 โครงการของการรถไฟแห่งประเทศไทย (โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่,งานซ่อนบำรุงทางรถไฟ) ในโครงการเด่นชัย-เชียงราย มูลค่า 72,920 ล้านบาท ปี 2564-2568 งานนำสายไฟฟ้าลงใต้ดิน โครงการนำสายไฟฟ้าลงดินใน กทม. มูลค่า 10,000 ล้านบาทต่อปี ปี 2565-2568 งานก่อสร้างทางหลวงแผ่นดิน/งานอุโมงค์ถนน โครงการกระทู้ป่าตอง มูลค่า 14,170 ล้านบาท และ ปี 2566-2571 งานระบบชลประทาน/งานบริหารจัดการน้ำ โครงการผันน้ำขุนยวม มูลค่า 65,000 ล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2563 ที่ผ่านมา ประมาณการรายได้ทั้งสิ้น 2,823 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 22.5% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2562 ที่มีรายได้อยู่ที่ 2,305 ล้านบาท กำไรขั้นต้น 589 ล้านบาท กำไรสุทธิ 238 ล้านบาท โดยในปีนี้ วางเป้าประมาณการรายได้ทั้งสิ้น 3,599 ล้านบาท เติบโต 27.48% และรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไม่ต่ำกว่า 15-20% และในระยะ 5 ปีข้างหน้า ด้วยงานโครงการภาครัฐที่มีอย่างต่อเนื่อง รวมถึงงานภาคเอกชนที่เริ่มกลับมา จะส่งผลให้บริษัทมีอัตราเติบโตอย่างต่อเนื่องและมั่นคง
ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้ จากงานสร้างอุโมงค์ 60% งานสร้างเขื่อนและระบบชลประทาน 9% งานสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ 1% งานท่อร้อยสายไฟใต้ดิน 12% และงานอื่น ๆ 18% และแบ่งเป็นสัดส่วนรายได้ในประเทศ 95.5% และต่างประเทศ 4.5%