DOD จับมือกรมการแพทย์แผนไทยฯ พัฒนาโรงสกัดสมุนไพร

“ดีโอดี”ลงทุนตามสัญญา เซ็นความร่วมมือกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก พัฒนาโรงสกัดสมุนไพร ยกคุณภาพตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ช่วยกันขับเคลื่อนผลิตภัณฑ์สมุนไพรของไทยออกสู่ตลาดสากล ลดการนำเข้า ประหยัดเงินตราต่างประเทศ

น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีโอดี ไบโอเทค (DOD) เปิดเผยว่า วันที่ 19 ก.ค.2561 บริษัทได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ กับกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เพื่อช่วยกันขับเคลื่อน สนับสนุนและส่งเสริมผลิตภัณฑ์สมุนไพรของประเทศไทย สู่ตลาดสากล ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้ ได้ดำเนินตามแผนแม่บทแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนาสมุนไพรไทย ฉบับที่1 (พ.ศ.2560-2564) ของกระทรวงสาธารณสุข

ความร่วมมือครั้งนี้ DOD ลงทุนก่อสร้างโรงสกัดสมุนไพร นำนวัตกรรมโรงสกัด และเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ ขณะที่กรมการแพทย์แผนไทยฯ ศึกษาเรื่องนี้มานาน ให้คำปรึกษาออกแบบโรงงานสกัดสมุนไพรและคัดสรรเทคโนโลยีการสกัดที่ทันสมัยที่สุด รวมถึงถ่ายทอดองค์ความรู้ ด้านการสกัดสมุนไพรและการตรวจวิเคราะห์คุณภาพสารสกัดสมุนไพร เป็นต้น จะช่วยให้โรงสกัดมีมาตรฐาน และยังช่วยส่งเสริมการปลูกและวางแผนการทำ Contract farming ให้กับเกษตรกรในเชิงอุตสาหกรรม และยังช่วยพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ต่อยอดจากสารสกัด รวมถึงการสร้างห้องปฏิบัติการกลาง ในการตรวจวิเคราะห์คุณภาพสารสกัดและผลิตภัณฑ์จากสารสกัดสมุนไพร

” DODได้ลงทุนโรงสกัดสมุนไพร ตามแผนการระดมทุนจากประชาชนครั้งแรก(ไอพีโอ) และได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานของรัฐหลายแห่ง พร้อมเป็นหนึ่งในบริษัทเอกชน ที่จะขับเคลื่อน สนับสนุนและส่งเสริมผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย ร่วมกับทุกภาคส่วน เพื่อช่วยกันสร้างความแข็งแกร่งศรษฐกิจไทย ให้มีความมั่นคงและยั่งยืน เพราะลดการนำเข้า และอุตสาหกรรมสมุนไพรไทยสามารถเติบโตได้ในเวทีโลก ในอนาคตประเทศไทยจะส่งออกวัตถุดิบสมุนไพรคุณภาพและผลิตภัณฑ์สมุนไพรชั้นนำของภูมิภาคอาเซียน รวมทั้งยังเป็นการเพิ่มขีดความสามารถ ด้านการแข่งขันของสมุนไพรไทยในตลาดทั้งในและต่างประเทศ “น.ส.ศุภมาส กล่าว

ส่วนแนวโน้มการดำเนินงานในไตรมาส 2 และรวมทั้งปี 2561 คาดว่าจะเติบโตมากขึ้น หลังจากย้ายโรงงานจากเดิมที่มีพื้นที่ 1 ไร่มาเป็น 17 ไร่ ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา สามารถรองรับคำสั่งซื้อเข้ามามากขึ้น ทั้งรายเล็กและรายใหญ่ นอกจากนั้นยังได้นำเงินไอพีโอชำระหนี้เงินกู้สถาบันการเงินทั้งหมด 50 ล้านบาท ส่งผลให้สัดส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E)ลดลงเหลือ 0.08 เท่า จากเดิมอยู่ที่ 0.09 เท่า

****************
ติดตามข่าว หุ้นเด่น ประเด็นร้อน #HoonSmart #หุ้นสมาร์ท ได้ที่
Facebook : www.facebook.com/HoonSmart
Line : https://line.me/R/ti/p/%40hoonsmart.com