HoonSmart.com>> ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิสไตรมาส 3/63 กวาดรายได้ 734 ล้านบาท กำไร 123 ล้านบาท ลั่นยอดเติมเงินเติบโตแตะ 9,987 ล้านบาท หลังโควิด-19 คลี่คลาย ภาครัฐผ่อนคลายมาตรการหนุนใช้จ่ายมากขึ้น แถมบริการโอนเงินยังแรงโตเพิ่มอีก 76.4% ยอดใช้บริการอื่นๆเพิ่มตาม เดินหน้าบริหารรายได้กลุ่มหลัก เพิ่มศักยภาพธุรกิจกลุ่มอื่น สร้างการเติบโตโดยรวมใกล้เคียงปีก่อน พร้อมเร่งตู้อัตโนมัติใหม่วางฐานรายได้ปีหน้า
นายณรงค์ศักดิ์ เลิศทรัพย์ทวี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส (FSMART) ผู้นำเครือข่ายช่องทางบริการอัตโนมัติและการเงินครบวงจร ใช้งานง่าย สะดวก รวดเร็วและปลอดภัย ด้วยตู้อัตโนมัติ “บุญเติม” เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 บริษัทฯ มีรายได้รวม 734.72 ล้านบาท กำไรสุทธิ 122.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.2% และ 18.3% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ที่ผ่านมา
ส่วนผลประกอบการงวด 9 เดือนบริษัทฯ มีรายได้จำนวน 2,329.81 ล้านบาท กำไรสุทธิ 353.22 ล้านบาท โดยสาเหตุของผลประกอบการที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวมาจากสถานการณ์โควิด-19 ที่เริ่มคลี่คลายมากขึ้น ผลักดันให้เกิดการใช้จ่ายในภาคประชาชนมากขึ้นตามลำดับ
ขณะที่มูลค่าเติมเงินโดยรวมในไตรมาสนี้กลับเข้าสู่ภาวะปกติ โดยมียอดเติมเงินรวมอยู่ที่ 9,987 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน มียอดการใช้งานผ่านตู้เฉลี่ย 1.5 ล้านรายการต่อวัน ส่วนบริการโอนเงินเข้าบัญชีที่บุญเติมเป็นตัวแทน 6 ธนาคารยังมีการเติบโตต่อเนื่อง มีจำนวนรายการโอนเงินต่อเดือนประมาณ 1,734,915 รายการ เพิ่มขึ้น 76.4% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน ประกอบกับยอดการเติมเงิน, การซื้อและเติมเงินแพ็กเกจอินเตอร์เน็ตมือถือ และล่าสุดบริการใหม่กับการเป็นช่องทางบริการด้านประกันภัย และรับชำระเบี้ยประกัน และบริการอื่นๆมีอัตราการใช้งานเพิ่มขึ้นเช่นกัน
ปัจจุบันมีตู้บุญเติมและตู้อัตโนมัติที่หลากหลายให้ลูกค้าได้ใช้บริการ ได้แก่ ตู้บุญเติม ตู้บุญเติมขายซิม ตู้บุญเติมที่มีบริการพิสูจน์ตัวตนด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-KYC) ตู้จำหน่ายสินค้าและเครื่องดื่มอัตโนมัติ ตู้จำหน่ายกาแฟสดและชงเครื่องดื่มอัตโนมัติ ตู้จำหน่ายน้ำมันอัตโนมัติ ที่ติดตั้งให้บริการทั่วประเทศรวมกว่า 130,000 ตู้ โดยทุกตู้อัตโนมัติสามารถดำเนินการเติมเงินและบริการอื่นๆได้เช่นเดียวกับตู้บุญเติม
สำหรับการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปี 2563 บริษัทฯ เชื่อว่าจะมีแนวโน้มดีกว่าครึ่งปีแรก จากปัจจัยด้านเศรษฐกิจที่มีการฟื้นตัวจากการผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ เช่นเดียวกับสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยที่ดีขึ้น เห็นได้จากแนวโน้มยอดเติมเงินและการใช้งานที่มากขึ้นในไตรมาส 3 และต่อเนื่องถึงไตรมาส 4 ที่เป็นช่วงที่มียอดการใช้บริการสูง (High season) โดยบริษัทฯยังให้ความสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพและการจัดการตู้บุญเติมโดยเน้นที่ทำเลคุณภาพ และเพิ่มบริการใหม่ ๆ ให้กับกลุ่มธุรกิจเติมเงิน-รับชำระเงินอัตโนมัติ ที่มีสัดส่วน 80 % ของรายได้ ขณะที่ธุรกิจให้บริการทางการเงินและสินเชื่อครบวงจรปัจจุบันมีสัดส่วนประมาณ 19 % ยังมีแนวโน้มการเติบโตต่อไปในอนาคตอย่างเห็นได้ชัด โดยให้ความระมัดระวังในธุรกิจสินเชื่อเป็นอย่างดี
นอกจากนี้ บริษัทฯได้เร่งพัฒนาและติดตั้งสินค้าในกลุ่มธุรกิจเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติและการกระจายสินค้าที่จะเป็นธุรกิจที่เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้บริษัทฯยิ่งขึ้นด้วย
“บุญเติมได้เปรียบเรื่องเครือข่ายทั่วประเทศ ด้วยตัวแทนให้บริการที่ครอบคลุมอยู่ทุกชุมชน ประสานกับการพัฒนาและการปรับตัวที่รวดเร็วทันทุกสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงจากการพัฒนาซอฟต์แวร์เอง ทำให้สามารถแสวงหาโอกาสใหม่ ๆ ในการทำธุรกิจได้ทุกสถานการณ์ เหล่านี้ทำให้ธุรกิจของบุญเติมสามารถเติบโตอย่างยั่งยืน และยืนหยัดเป็นผู้นำได้ถึงทุกวันนี้” นายณรงค์ศักดิ์ กล่าว