HoonSmart.com>> กลุ่มบริษัทเอไอเอ เปิดผลดำเนินงานไตรมาส 3/63 มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เพิ่มขึ้น 22% เติบโตเกือบทุกตลาด เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) โต 21% แตะ 1,359 ล้านเหรียญสหรัฐ เบี้ยประกันภัยรับรวม (TWPI) เพิ่มขึ้น 7% จากงวดปีก่อน ตลาดในไทยเติบโตแข็งแกร่ง ยอดขายเพิ่มทั้งช่องทางตัวแทนและแบงก์แอสชัวรันส์
นายหลี่ หยวน ชยอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทเอไอเอ กล่าวว่า ภาพรวมไตรมาส 3 ปี 2563 กลุ่มบริษัทเอไอเอมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งต่อเนื่องในด้านยอดขายของธุรกิจใหม่ โดยมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เพิ่มขึ้นถึง 22% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 ของปี 2563 ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตของเกือบทุกตลาดที่ดำเนินธุรกิจอยู่ อัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่เท่ากับไตรมาสที่ 2 ซึ่งเป็นผลกระทบมาจากการลดลงของสมมติฐานเชิงเศรษฐกิจที่มีความเปลี่ยงแปลง รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงทางด้านส่วนผสมทางภูมิศาสตร์ ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการควบรวมกิจการลดลงในขณะที่ยอดขายรายไตรมาสเติบโตขึ้น
นอกจากนี้ ช่องทางตัวแทนของเอไอเอก็มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถสร้างตัวแทนใหม่เพิ่มขึ้นได้ถึง 20% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 3 ของปี 2562
ในขณะที่ยอดขายระหว่าง 9 เดือนแรกของปี 2563 มีปริมาณลดลงกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน แต่ภาพรวมของธุรกิจยังมีอัตราส่วนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเบี้ยประกันภัยรับรวม (TWPI) มีมูลค่า 8,797 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 3 ของปี 2562 อัตราความยั่งยืนของกรมธรรม์ยังคงมีความแข็งแกร่ง และอัตราการเวนคืนกรมธรรม์ในไตรมาสที่ 3 ยังลดลงในประเทศไทยและมาเลเซีย นอกจากนี้ ประสบการณ์เชิงบวกในด้านการเรียกร้องสินไหมค่ารักษาพยาบาลที่รายงานต่อกลุ่มบริษัทในครึ่งปีแรกของปี 2563 ยังคงดีต่อเนื่องมาถึงไตรมาส 3 ซึ่งสอดคล้องกับความมุ่งหวังของเอไอเอ
ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2563 มีการเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์สำหรับเอไอเอ ประเทศจีน โดยเป็นการเริ่มต้นของการเปลี่ยนธุรกิจของเอไอเอในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่จากสาขาเป็นบริษัทในเครือที่เอไอเอลงทุนเองทั้งหมดเมื่อวันที่ 9 ก.ค. พนักงานของเอไอเอทำงานกันอย่างหนักกับกระบวนการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ซึ่งต้องประสานงานกับคู่สัญญามากกว่า 2,000 ราย และหน่วยงานภาครัฐกว่า 150 แห่งทั่วประเทศ ภายในระยะเวลา 3 เดือนของการดำเนินการ บริษัทประกันชีวิตเอไอเอ จำกัด สามารถเริ่มดำเนินธุรกิจในจีนแผนดินใหญ่ได้ในวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา
สำหรับโครงสร้างธุรกิจใหม่นี้ ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยสานต่อแผนการดำเนินงานที่มุ่งมั่นของเรา และจากการได้รับการอนุมัติจากประเทศจีนในครั้งนี้ เอไอเอกำลังอยู่ในขั้นตอนของการเตรียมการเพื่อเปิดสาขาใหม่ในมณฑลเสฉวน อย่างไรก็ดี มูลค่าธุรกิจใหม่ของเอไอเอ ประเทศจีนในไตรมาสที่ 3 มีการเติบโตใกล้เคียงกับไตรมาสที่ 2 ก่อนที่จะมีการปรับอัตราภาษีหัก ณ ที่จ่ายเป็น 5% ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 9 ก.ค.ที่ผ่านมา เอไอเอ ประเทศจีน ยังคงสร้างมูลค่าธุรกิจใหม่ให้กับกลุ่มบริษัทมากที่สุด และใน 9 เดือนแรกของปี 2563 เอไอเอได้พัฒนาคุณภาพของพรีเมียเอเจอซี่อย่างต่อเนื่องและด้วยการทำงานอย่างมีระบบทำให้เอไอเอสามารถสร้างตัวแทนใหม่ได้เพิ่มขึ้นสูงเป็นตัวเลขสองหลัก ทั้งจำนวนตัวแทนทั้งหมดและระดับหัวหน้าตัวแทน
ธุรกิจของเอไอเอในฮ่องกงมีผลการดำเนินงานในส่วนของมูลค่าธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นพอประมาณเมื่อเทียบไตรมาสที่แล้ว โดยส่งผลมาจากการเพิ่มขึ้นของยอดขายในประเทศ สำหรับยอดขายจากนักท่องเที่ยวในจีนแผนดินใหญ่ยังคงแทบจะเป็นศูนย์ในไตรมาสที่ 3 นี้ เนื่องมาจากมาตรการกักกันตัวก่อนเข้าประเทศ
เอไอเอ ประเทศไทย มีการเติบโตที่แข็งแกร่งในไตรมาสที่ 3 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา เนื่องมาจากยอดขายที่เพิ่มสูงขึ้นทั้งจากช่องทางตัวแทนและช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์ ในขณะที่ธุรกิจของเอไอเอในประเทศสิงคโปร์และมาเลเซียสามารถเติบโตได้อย่างดีเมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้วเช่นกัน ด้วยมูลค่าธุรกิจใหม่ที่เติบโตขึ้นมากกว่าสองหลักจากในไตรมาสที่ 2 และเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากในไตรมาส 3 ของปี 2562
การผ่อนคลายของมาตรการในหลายๆ ประเทศส่งเสริมต่อการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ในหลาย ๆ ตลาดที่เอไอเอดำเนินธุรกิจอยู่เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า บริษัท ทาทา เอไอเอ ประกันชีวิต มีผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างยอดเยี่ยมเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และเมื่อเทียบกับพื้นฐานดัชนีการเติบโตของเศรษฐกิจอินเดียท่ามกลางสถานการณ์โรคระบาด ซึ่งปัจจุบันทาทา เอไอเอ ประกันชีวิตได้กลายเป็นผู้นำในตลาดสำหรับธุรกิจที่มอบความคุ้มครองให้แก่ลูกค้ารายย่อย และตลาดอื่น ๆ ของเราก็มีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้วเช่นกัน
สำหรับมุมมองด้านเศรษฐกิจ หลังจากการหดตัวอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจโลกในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 บางประเทศได้ฟื้นตัวกลับมาเติบโตในไตรมาสที่ 3 ซึ่งรวมถึงประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจนั้นแตกต่างกันในแต่ละประเทศ ตามประสิทธิภาพของมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และนโยบายของรัฐบาล รวมถึงความสำคัญและความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมการผลิต
สำหรับมุมมองในระยะกลางยังคงไม่เป็นที่แน่นอน จากการที่จำนวนผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 ยังคงเพิ่มขึ้นในหลายประเทศ และความตึงเครียดทางการเมืองและทางการค้ายังคงอยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ตาม ความต้องการในผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตและการบริการของเอไอเอยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะยาว เนื่องจากความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้น อัตราการทำประกันชีวิตที่ต่ำ และความคุ้มครองจากสวัสดิการสังคมที่ยังคงอยู่ในอัตราที่ต่ำ ซึ่งเอไอเอมีทั้งช่องทางการขายที่แข็งแกร่ง ผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรม การเป็นผู้นำตลาดและความเข้มแข็งทางการเงิน ทำให้มีโอกาสที่จะสร้างการเติบโตของธุรกิจประกันชีวิตและสุขภาพในเอเชียในระยะยาว
อย่างไรก็ตามเอไอเอได้รับเบี้ยประกันภัยส่วนใหญ่เป็นเงินสกุลท้องถิ่น ซึ่งทำให้สินทรัพย์และหนี้สินของเอไอเอมีมูลค่าใกล้เคียงกัน ซึ่งช่วยลดผลกระทบทางเศรษฐกิจจากความเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยน ทั้งนี้ ในรายงานงบการเงินของกลุ่มบริษัทเอไอเอ ที่มีการแปลเป็นเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ทำให้เกิดผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน ดังนั้น เอไอเอจึงมีการรายงานอัตราการเติบโตจากอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ เว้นแต่ระบุเป็นอย่างอื่น เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนของผลการดำเนินธุรกิจระหว่างปี