ฉวยจังหวะช้อปหุ้นเครือปตท.

หุ้นในครอบครัวปตท.ร่วงลงเกือบยกแผง จากสารพัดปัจจัยเฉพาะตัว PTT-PTTGC โดนหางเลข GGC นักวิเคราะห์มอง ราคาพีทีที โกลบอล เคมิคอลลงแรงเกินไปแล้ว เครดิตสวิสหั่นราคาเหลือ 90 บาท ส่วน PTTEP เจอขายทำกำไร TOP ห่วงภาระหนักลงทุนใหญ่ 1.6 แสนล้าน IRPC ลงมีแรงเก็บ

วันที่ 2 ก.ค. 2561 มีเพียงหุ้นบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) ที่ราคาปรับตัวขึ้น จากทั้งหมด 7 บริษัทในเครือปตท. โดย บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล (GGC) ลดลงแค่ 0.30 บาทปิดที่ 8.95 บาท เทียบกับวันศุกร์ที่ผ่านมา ทรุดหนัก 24% แต่กรณีวัตถุดิบหายไป 2,100 ล้านบาท ยังมีผลกระทบอย่างต่อเนื่องถึงหุ้นบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) และ บริษัทปตท.(PTT) ส่วนบริษัทปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม(PTTEP) ปรับตัวลงกว่า 5% เกิดจากการขายทกำไรหลังจากราคาปรับตัวขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ต่างมีความเห็นตรงกันว่าภาระการตั้งสำรองของ GGC จำนวน 2,100 ล้านบาท ไม่มีผลอย่างมีนัยสำคัญกับ PTTGC จึงแนะนำให้ซื้อ บล. เคทีซีมิโก้ ให้ราคาเป้าหมาย 120 บาท ปัจจบันราคาหุ้นไม่สมเหตุสมผล ทั้งที่กำไรแข็งแกร่งมาก คาดเร่งตัวสูงขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ หลายปัจจัยกดดันให้ราคาหุ้น PTTGC ร่วงลงกว่า 20% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา มองว่าราคาหุ้นปรับลดลงแรงเกินไป

ส่วนบล.ทิสโก้ มองว่า ข่าวของ GGC จะส่งผลกระทบในเชิงลบต่อ PTTGC เนื่องจากความบกพร่องของ PTTGC จะสร้างความกังวลให้กับนักลงทุนในกรณีความโปร่งใสในการดำเนินงานของ PTTGC และบริษัทอื่นในเครือ PTT

ขณะที่สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า บริษัทหลักทรัพย์เครดิตสวิส ปรับลดประมาณการกำไรของปีนี้ลง 2% และราคาเหมาะสมหุ้น PTTGC ลงเหลือ 90 บาทจากเดิมให้ไว้ 114 บาท

ส่วนราคาหุ้นไทยออยล์(TOP) ที่ปรับตัวลงแรง 4 บาท ปิดที่ 73.75 บาท นั้นส่วนหนึ่งเกิดจากนักลงทุนกังวลเรื่องภาระทางการเงินในการลงทุนโครงการพลังงานสะอาด ซึ่งบริษัทคาดมูลค่าสูงถึง 1.6 แสนล้านบาท และดอกเบี้ยระหว่างการก่อสร้างประมาณ 5,016 ล้านบาท รวมถึงปัจจัยเดิมเรื่องแนวโน้มกำไรไตรมาส 2 จะไม่ดีนักตามภาวะอุตสาหกรรมโรงกลั่นที่มีค่าใช้จ่ายเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ

แต่นักวิเคราะห์หลายคนยังคงแนะนำ”ซื้อ” TOP เช่น บล. ทรีนีตี้ให้ราคาเป้าหมาย 101 บาท(ยังไม่นับรวมโครงการใหม่) โดยเห็นว่าโครงการพลังงานสะอาด ช่วยเพิ่มสินค้าที่มีคุณภาพ เพิ่มกำลังการผลิตถึง 45% และมีส่วนช่วยเพิ่มกำไรประมาณ 60-90 บาทต่อหุ้น

สำหรับบริษัท ไออาร์พีซี(IRPC) ระหว่างวันลงไปลึกสุดที่ 5.60 บาทก่อนเด้งกลับมาปิดที่ 5.70 บาทติดลบ 0.10 บาท สวนทางกับแรงเชียร์ของนักวิเคราะห์ ซึ่งส่วนใหญ่แนะนำให้”ซื้อ” เนื่องจากแนวโน้มการเติบโตในระยะยาว ผลจากการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ช่วยเพิ่มกำลังการผลิตและลดต้นทุน ขณะที่ราคาหุ้น IRPC ปรับตัวลง มักจะมีนักลงทุนเข้าไปซื้อเก็บไว้ นอกจากกำไรเติบโตสูงแล้ว ยังมีเงินปันผลตอบแทนด้วย