HoonSmart.com>> บลจ.พรินซิเพิล คงมุมมองเชิงบวกต่อภาวะการลงทุนในปีนี้ รับคลายล็อกดาวน์เฟส 4 มาตรการ QE นโยบายดอกเบี้ยต่ำของธนาคารกลางทั่วโลก มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ แนะลงทุนหลักทรัพย์ได้ประโยชน์จาก New Normal กลุ่มอสังหาริมทรัพย์คุณภาพ มีรายได้จากค่าเช่าที่มั่นคงระยะยาว ชูกองทุน PRINCIPAL iPROP เพื่อกระจายลงทุน พร้อมประมาณการณ์จ่ายปันผล 0.12 บาทต่อหน่วย ปิดบุ๊ก 30 มิ.ย.นี้
นายจุมพล สายมาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) พรินซิเพิล จำกัด เปิดเผยว่า จากการประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจและภาวะการณ์ลงทุนในตลาดหุ้นล่าสุด แม้เริ่มมีการปรับฐานของตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นต่างประเทศ แต่ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุนในปีนี้ เนื่องจากประเทศไทยและบางประเทศสามารถแก้ไขปัญหาแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (COVID-19) ให้อยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้ และเริ่มทยอยผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์อย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันประเทศไทยเข้าสู่การผ่อนคลายล็อกดาวน์ ระยะที่ 4 เป็นที่เรียบร้อยตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย.ที่ผ่านมา และรัฐบาลได้เตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การบริโภค และกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ เพื่อให้ภาพรวมเศรษฐกิจฟื้นตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ส่วนปัจจัยสนับสนุนจากต่างประเทศ คาดว่าการใช้นโยบาย QE อัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบและนโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำของธนาคารกลางแต่ละประเทศทั่วโลก ตลอดจนการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลประเทศต่างๆ จะส่งผลดีการทยอยการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและบรรยากาศการลงทุนที่ดีขึ้น
ทั้งนี้ บลจ.พรินซิเพิล มีมุมมองที่ดีต่อการลงทุนในสินทรัพย์ที่จะได้รับประโยชน์จาก New Normal และการลงทุนในสินทรัพย์กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่มีความผันผวนต่ำกว่าภาพรวมตลาดหุ้น โดยเฉพาะการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์คุณภาพที่มีรายได้จากค่าเช่าที่มั่นคงในระยะยาวภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งจะได้รับอานิสงส์จากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำและลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่แทบไม่ได้รับผลกระทบหรือได้รับผลกระทบน้อยมากจาก COVID-19 เช่น อสังหาริมทรัพย์ที่มีความเกี่ยวข้องกับโลจิสติกส์, ศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ เป็นต้น ซึ่งถือเป็นโอกาสลงทุนในจังหวะที่สินทรัพย์มีราคาถูกลง
นายจุมพล กล่าวต่อว่า สำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มพอร์ตการลงทุนในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ สามารถลงทุนผ่านกองทุนเปิด พรินซิเพิล พร็อพเพอร์ตี้ อินคัม (PRINCIPAL iPROP) (กองทุนนี้ลงทุนกระจุกตัวในกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ (Property Sector Fund) ดังนั้นหากมีปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนดังกล่าวผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก) ที่มีนโยบายลงทุนในหลักทรัพย์หรือตราสารกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ REITs กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานทั้งในและต่างประเทศ โดยมีให้เลือกลงทุนทั้งชนิดสะสมมูลค่า (Class A) ชนิดจ่ายเงินปันผล (Class D) ชนิดขายคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ (Class R) และชนิดผู้ลงทุนกลุ่ม (Class C) ซึ่งนับจากเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรกเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2555 กองทุน PRINCIPAL iPROP (Class D) สามารถจ่ายเงินปันผลอย่างต่อเนื่องรวม 32 ครั้ง คิดเป็นอัตรา 6.075 บาทต่อหน่วย
ล่าสุด กองทุน PRINCIPAL iPROP ประกาศประมาณการณ์จ่ายเงินปันผล ครั้งที่ 33 สำหรับงวดบัญชี 31 พฤษภาคม 2563 แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนชนิดขายคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ (Class R) และชนิดจ่ายเงินปันผล (Class D) ในอัตรา 0.12 บาทต่อหน่วย กำหนดปิดสมุดทะเบียน (XD Date) ในวันที่ 30 มิ.ย.นี้ (ผู้ซื้อหน่วยลงทุนตั้งแต่ 30 มิ.ย.นี้เป็นต้นไปจะไม่ได้รับเงินปันผลงวดดังกล่าว) โดยผู้ถือหน่วยลงทุนชนิดขายคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ (Class R) สามารถขายคืนหน่วยลงทุนในกองทุน PRINCIPAL TREASURY ได้ตั้งแต่ 2 ก.ค.นี้ ส่วนผู้ถือหน่วยลงทุนชนิดจ่ายเงินปันผล (Class D) จะได้รับเงินปันผลเข้าบัญชีเงินฝากของผู้ถือหน่วยลงทุน 8 ก.ค.นี้