WICE รุกธุรกิจขนส่งสินค้าข้ามแดนสิงคโปร์-จีนตอนใต้

WICE เตรียมงบ 200 ล้าน ลงทุนธุรกิจขนส่งสินค้าข้ามชายแดน เส้นทางสิงคโปร์-มาเลย์-ไทย-กัมพูชา-เวียดนาม-จีนตอนใต้ พร้อมสั่ง WICE ในจีนและสิงคโปร์ เร่งหาลูกค้า ดันรายได้ปีนี้แตะ 1,800 ล้านบาท

นายชูเดช คงสุนทร กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท ไวส์ โลจิสติกส์ (WICE) เปิดเผยแนวทางการดำเนินธุรกิจช่วงครึ่งปีหลังว่า บริษัทเตรียมจัดตั้งหน่วยธุรกิจใหม่เพื่อดำเนินธุรกิจขนส่งสินค้าข้ามชายแดนด้วยรถบรรทุก เส้นทางสิงคโปร์-มาเลเซีย-ไทย-กัมพูชา-เวียดนาม-จีนตอนใต้ เพื่อต่อยอดธุรกิจการขนส่งสินค้าทางเรือและทางอากาศ ซึ่งจะใช้เงินลงทุนประมาณ 200 ล้านบาท โดยขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างมองหาพันธมิตรใหม่มาร่วมธุรกิจ คาดว่าการจะเปิดให้บริการได้ตั้งแต่ปลายปีนี้

“เราต้องการเพิ่มทางเลือกในการให้บริการขนส่งสินค้าในรัศมีการเดินทาง 3-7 วัน อาทิ กลุ่มลูกค้าที่ใช้บริการขนส่งสินค้าทางอากาศ แต่ต้องการเปลี่ยนมาใช้การขนส่งทางรถบรรทุก ซึ่งมีค่าบริการถูกกว่าทางอากาศ แต่ระยะเวลาการขนส่งเร็วกว่าทางเรือ รวมถึงกลุ่มลูกค้าที่ต้องการใช้บริการขนส่งสินค้าทางรถบรรทุกตั้งแต่สิงคโปร์ไปถึงจีนตอนใต้”นายชูเดชกล่าว

ชูเดช คงสุนทร

นายชูเดช กล่าวว่า ปีนี้บริษัทยังมั่นใจว่าจะมีรายได้ 1,800 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้วที่มีรายได้ 1,402 ล้านบาท โดยรายได้ 60% จะมาจาก WICE ในประเทศไทย อีก 40% หรือ 720 ล้านบาทนั้น บริษัทแม่ได้ให้นโยบายกับบริษัท UWT ซึ่งแตกเป็น 3 บริษัทย่อย ได้แก่ WICE China ,WICE Hongkong , WICE Guangzhou รวมทั้งบริษัท SEL ประเทศสิงคโปร์ ที่จะเปลี่ยนชื่อเป็น WICE Singapore ให้เร่งขยายฐานลูกค้าและรายได้

ขณะเดียวกัน บริษัทจะรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไม่ให้ต่ำกว่า 24-25% โดยให้นโยบายกับบริษัทลูกในต่างประเทศ โดยเฉพาะ WICE ในจีน ให้เปลี่ยนมาให้บริการขนส่งสินค้าชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนยานยนต์ จากเดิมที่ให้บริการขนส่งสินค้าทั่วไปเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งมีกำไรขั้นต้นเพียง 10%

สำหรับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาส 2 นั้น นายชูเดช กล่าวว่า บริษัทฯสามารถต่อรองเพื่อเพิ่มค่าบริการจากลูกค้าได้ ทำให้กระทบไม่มากนัก ส่วนสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนยังไม่มีผลกระทบตอนนี้ และบริษัทมีแนวทางรองรับผลกระทบดังกล่าว โดยเร่งขยายฐานลูกค้าทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ บริษัทมีนโยบายการกระจายความเสี่ยงเกี่ยวกับลูกค้า เห็นได้จากลูกค้าที่มีอยู่ 60-70 รายนั้น มีรายใหญ่ไม่กี่รายและมีรายรับไม่เกิน 40 ล้านบาทต่อราย

“สงครามการค้าสหรัฐและจีน ตอนนี้ยังไม่มีผลกระทบอะไร ลูกค้ายังมีออเดอร์เข้ามาตามปกติ ในขณะที่การขนส่งสินค้าในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกมีแนวโน้มขยายตัวทุกปี ตามทิศทางการค้าขายในภูมิภาคที่เติบโตเนื่อง โดยเฉพาะไตรมาส 3-4 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีชั่นของการขนส่งสินค้า เราน่าจะทำรายได้ได้ตามเป้าหมาย แม้ว่าไตรมาสแรกจะมีรายได้เพียง 387 ล้านบาท ส่งค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงจะเป็นผลดีกับ WICE ซึ่งรายได้ส่วนใหญ่อยู่ในรูปเงินเหรียญสหรัฐ”นายชูเดชกล่าว

นายชูเดช ระบุว่า บริษัทยังคงรักษาจุดแข็งในการเป็นผู้ให้บริการขนส่งสินค้าประเภทชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และชิ้นส่วนยานยนต์ แบบ Door-to-Door ภายใต้การขนส่งที่หลากหลายทั้งทางเรือ ทางอากาศ ทางถนน และให้บริการเช่าคลังเก็บสินค้า โดยบริษัทไม่มีนโยบายลงทุนในสินทรัพย์ เช่น เรือ เครื่องบิน และคลังสินค้า แต่ใช้วิธีทำสัญญาเช่าในระยะเวลา 6 เดือน-1 ปี และมีรถบรรทุกเท่าที่จำเป็น รวมทั้งควบคุมค่าใช้จ่ายต่างๆ เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน

“ธุรกิจให้บริการขนส่งสินค้ามีการแข่งขันสูง และคู่แข่งในแต่ละเซ็กเตอร์ก็ไม่เหมือนกัน เราจึงเน้นขนส่งสินค้าที่เราถนัดและได้ผลตอบแทนสูง เช่น ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และชิ้นส่วนยานยนต์ ขณะที่ลูกค้าแต่ละกลุ่มจะมีคู่แข่งที่ต่างกัน เช่น ลูกค้าญี่ปุ่นก็จะเป็นคู่แข่งกลุ่มหนึ่ง ลูกค้าจีนและลูกค้าไทยก็จะเป็นคู่แข่งอีกกลุ่มหนึ่ง ดังนั้น คุณภาพการให้บริการและค่าบริการที่แข่งขันได้ รวมทั้งสายสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้บริษัทเติบโตต่อเนื่อง”นายชูเดชกล่าว