HoonSmart.com>> บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ชี้ COVID-19 ทุบกำไรบจ.ไตรมาส 1/63 ร่วง 59% จากงวดปีก่อนเหลือ 1.1 แสนล้านบาท ต่ำกว่าเป้า 12% แม้สัญญาณเศรษฐกิจไตรมาส 2 ยังอ่อนแอ เชื่อบางบริษัทเริ่มมีพัฒนาการที่ดีขึ้น คัดหุ้นดีมีโอกาสไปต่อ แนะทยอยสะสม SPRC , TASCO , JMT, CBG
ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง วิเคราะห์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ส่งผลกระทบต่อการชะลอตัวอย่างรุนแรงของเศรษฐกิจไทยปีนี้ ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อแทบทุกอุตสาหกรรม จากการรวบรวมข้อมูลกำไรในช่วงไตรมาส 1/2563 ของทุกบริษัทใน SET พบว่าเหลือเพียง 1.1 แสนล้านบาทเท่านั้น -50% จากไตรมาสก่อนหน้า, -59% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีกำไรหดตัวมากที่สุด 3 อันดับแรก คือ พลังงาน รองลงมาคือปิโตรเคมี และวัสดุก่อสร้าง โดยกำไรรวมไตรมาส 1/2563 ต่ำกว่าที่ตลาดประเมินไว้ราว 12% ซึ่งอาจเห็นการปรับประมาณลงอีกเล็กน้อย
สำหรับราคาหุ้นจะถูกหรือแพงนั้น ขึ้นอยู่กับสไตล์การลงทุน จากกำไรที่อ่อนแอและต่ำคาด ส่งผลให้นักวิเคราะห์ยังมีโอกาสปรับลดคาดการณ์กำไรรวมของบริษัทจดทะเบียนใน SET โดยล่าสุดกำไรตลาดปีนี้ ตลาดคาดลดลงสู่ระดับ 70 บาท ต่อหุ้น ซึ่ง ณ ระดับ SET ปัจจุบัน คิดเป็น PE ราว 18.2 เท่า เทียบเคียง PE เฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปี+2SD ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่ค่อนข้างตึงตัว
แต่อย่างไรก็ดีมุมมองของนักลงทุนระยะกลาง-ยาว อาจมองข้ามกำไรปีนี้ ซึ่งถือว่าเป็นปีที่ไม่ปกติ (กำไรต่ำจาก COVID-19) โดยคาดกำไรในปีถัดไปมีโอกาสจะปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ หลัง COVID-19 คลี่คลาย โดยหากมีมุมมองเช่นนี้ SET ในปัจจุบันก็ยังไม่แพงนัก และถือเป็นจังหวะในการทยอยสะสม
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ระบุว่า การค้นหาหุ้นเด่นที่น่าจะไปต่อ จากงบการเงินไตรมาส 1/2563 ที่รายงานเสร็จสิ้นแล้ว คาดว่ากลุ่มที่ราคาหุ้นมีโอกาสไปต่อ น่าทยอยสะสม คือ หุ้นที่กำไรไตรมาส 1/2563 อ่อนแอมาก แต่คาดจะเป็นจุดต่ำสุดของปี และกำไรจะกลับมาเร่งตัวเด่นตั้งแต่ไตรมาส 2/2563 เป็นต้นไป โดยกลุ่มอุตสาหกกรรมที่ใกล้เคียงเงื่อนไขนี้ ได้แก่ กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี
ส่วนหุ้นที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2563 ขยายตัวโดดเด่น และอาจอ่อนตัวลงบ้างในช่วงไตรมาส 2/2563 แต่จะกลับมาเร่งตัวขึ้นเด่นในช่วงครึ่งหลังของปี จากการคัดกรองจากธีมการลงทุนดังกล่าว จะได้ 4 หุ้น ที่น่าทยอยสะสม ได้แก่ SPRC , TASCO , JMT และ CBG