HoonSmart.com>>สยามแม็คโครไปได้สวยไตรมาส 1/2563 ยอดขายโต 8.8% เปิด 6 สาขา ผู้บริโภคแห่ซื้อสินค้าอาหารแห้ง ชดเชยธุรกิจฟูดเซอร์วิสทรุดหนักจาก ร้านอาหาร-โรงแรม-สายการบินปิดชั่วคราว ค่าใช้จ่ายเพิ่ม จากพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์-แพลตฟอร์ม เพิ่งเริ่มเปิดที่จีน-เมียนมาร์
บริษัท สยามแม็คโคร (MAKRO) ที่มีบริษัท ซีพีออล์(CPALL) ถือหุ้นใหญ่อันดับสอง สัดส่วน 38.07% เปิดเผยผลการดำเนินงานงวดไตรมาสที่ 1/2563 มีกำไรสุทธิ 1,680.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 162.45 ล้านบาท เติบโต 10.69% จากที่มีกำไรสุทธิ 1,518 ล้านบาทในช่วงเดียวกันปีก่อน อัตรากำไรอยู่ที่ 10.1% ดีขึ้นจากระดับ 9.9% ปัจจัยหลักมาจากกลุ่มธุรกิจแม็คโครประเทศไทยและแม็คโครต่างประเทศเติบโต
บริษัทมียอดขายรวม 55,159 ล้านบาท เติบโต 8.8% ปัจจัยหลักมาจากการเปิดสาขาใหม่ทั้งในและต่างประเทศรวม 6 สาขาในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา และธุรกิจแม็คโครในประเทศไทยเติบโตต่อเนื่อง จากการพัฒนารูปแบบสาขาและผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลาย ควบคู่ไปกับการยกระดับการให้บริการผ่านช่องทางการจัดจำหน่าย O2O
ส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อยอดขายในเดือนก.พ. จากกลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการที่มีความเกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว แต่ความวิตกกังวลของผู้บริโภคต่อมาตรการควบคุมของรัฐบาลและการแพร่ระบาดของโควิดที่ทวีความรุนแรงขึ้น ทำให้ผู้บริโภคส่วนใหญ่ซื้อสินค้าล่วงหน้า (panic buying) โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าอาหารแห้งในช่วงเดือนมี.ค. เพิ่มยอดขายของธุรกิจแม็คโครในประเทศไทยและต่างประเทศ
สำหรับกลุ่มธุรกิจฟูด เซอร์วิส ยอดขายลดลงอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่กลางเดือนก.พ.ที่ผ่านมา ได้รับผลกระทบค่อนข้างรุนแรงจากโควิด ส่งผลในวงกว้างต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลก สายการบิน โรงแรม และร้านอาหารจำนวนมากทั้งในและต่างประเทศต้องปิดดำเนินการชั่วคราว
ขณะที่มีต้นทุนในการจัดจำหน่ายและค่าใช้จ่ายในการบริหารรวมทั้งสิ้น 4,413 ล้านบาท คิดเป็น 7.8% ของรายได้รวม เพิ่มขึ้นจากจำนวน 274 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 6.6% มีต้นทุนในการจัดจำหน่ายเพิ่มขึ้นเป็น 135 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.5% สาเหตุหลักมาจากสาขาใหม่ที่เพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่ายในการบริหารที่เพิ่มขึ้น 139 ล้านบาท หรือ 12.5 %โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับพนักงานและการพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ รวมถึงการพัฒนาแพลตฟอร์มและแม็คโครแอพพลิเคชันเพื่อรองรับการขยายช่องทางการจัดจำหน่าย O2O
นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากการดำเนินธุรกิจในระยะเริ่มต้นของประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนและสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และค่าใช้จ่ายพิเศษในการบริหารจัดการความต่อเนื่องทางธุรกิจภายใต้ภาวะวิกฤติ(BusinessContinuity Management) เพื่อให้มั่นใจว่าธุรกิจของบริษัทฯ สามารถดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพพนักงาน ลูกค้า สถานประกอบการ และสินค้ามีความปลอดภัยจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19