เอเซียพลัส ชง 12 หุ้นเด่น ปันผลยาว 12 ปี

HoonSmart.com>>บล.เอเซียพลัส  แนะลงทุนฝ่าวิกฤตโควิด -19 ชง 12 หุ้นปันผลต่อเนื่อง 12 ปี 

บริษัทหลักทรัพย์เอเซียพลัส (ASP)แนะนำว่า ตลาดหุ้นไทยนับตั้งแต่ต้นปี 2563 ดัชนีปรับฐานลงรวมราว 461 จุดหรือราว 29.4% ล่าสุด วันที่ 12 มี.ค. ปิดที่ 1,114.9 จุด ถือว่าปรับลงแรงมากกว่าการปรับลดประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียน (EPS) ปี 2563  โดยปรับลดลงไป 14.6% ปัจจุบันคาดอยู่ที่ 8.54 แสนล้านบาท เท่ากับ 79.62 บาท/หุ้น (จากต้นปีคาด 1 ล้านล้านบาท เท่ากับ 95.7 บาท/หุ้น) เชื่อว่าตลาดที่ปรับฐานแรงในปัจจุบัน หลัก ๆ เกิดจากการขาดความเชื่อมั่น

ทั้ง 1) แนวโน้มการเติบโตเศรษฐกิจ ปี 2563 ที่เห็นสัญญาณชะลอตัวชัดเจน หลัก ๆ มาจากไวรัสโควิด-19 ที่ยังแพร่ระบาด ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ทั้งการบริโภค, การท่องเที่ยว

ล่าสุดวานนี้ รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (CCI) เดือน ก.พ. 2563 เหลือระดับ 64.8 จุด ตํ่าสุดในรอบ 21 ปี ขณะที่มาตรการการคลังของรัฐที่ออกมา ไม่เพียงพอที่จะเยียวยาหรือผลักดันเศรษฐกิจได้มากนัก (ASP คาดเศรษฐกิจปีนี้โต 1.6% )

2) ตลาดเชื่อว่า EPS มีโอกาสปรับลงต่อในอนาคต และอีกส่วนหนึ่ง เชื่อว่าจากกลไกของ Short selling , Force sell โดยเฉพาะ Block tradeฯลฯ

โดยรวมตลาดหุ้นที่ปรับฐานแรงหลายประเทศทั่วโลก เริ่มมีการออกมาตรการดูแลด้านตลาดทุนเพื่อ ไม่เกิดการตื่นตระหนก อาทิ สเปน ประกาศห้าม Short selling 69 บริษัทจดทะเบียน มีผลวันนี้ หลังจากตลาดหุ้นปรับลงมา 14% เมื่อวานนี้ เช่นเดียวกับ อิตาลี, อินโดนีเซีย, เกาหลีใต้, ไต้หวัน ขณะที่ไทยยังไม่มีการประกาศคล้ายประเทศอื่น ๆ แต่วานนี้ ตลาดหลักทรัพย์ประกาศเตรียมออก กองทุนพยุงหุ้นไทย แต่ยังไม่มีรายละเอียดชัดเจน

หากแนวโน้มสถานการณ์ต้นตอปัญหา คือโควิด-19 ดีขึ้น เช่นจีนที่สถานการณ์เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ และเห็นบางประเทศมีมาตรการที่เฉียบขาดในการควบคุมการติดเชื้อ โดยการประกาศปิดประเทศ อาทิ อิตาลี และอินเดีย ประกาศห้ามต่างชาติเดินทางเข้าประเทศ หากจำนวนผู้ติดเชื้อนอกจีนเริ่มเพิ่มขึ้นในอัตราน้อยลงเหมือนจีน เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยมีโอกาสฟื้นตัวแรงเหมือนในอดีต

กลยุทธ์ ยังคงเน้นหุ้นปันผลที่จ่ายปันผลสม่ำเสมอ กว่า 12 ปี ชอบ RATCH-INTUCH
วันที่ 12 มี.ค. ตลาดหุ้นไทยปรับฐานแรง 125.05 จุด หรือ 10% จนเกิด Circuit Breaker เป็นครั้งที่ 4 ตั้งแต่จัดตั้งเกณฑ์นี้  ขึ้นมาในปี 2542

หากวิเคราะห์จากสถิติในอดีต พบว่า หลังจากเกิด Circuit Breaker ทั้ง 3 ครั้ง  (ธ.ค. 2549, ต้นต.ค. 2551,ปลาย ต.ค. 2551) ดัชนีฟื้นขึ้นต่อเนื่องทุกครั้ง โดยเฉพาะช่วง 1 สัปดาห์ หลังจากนั้น SET Index สามารถปรับตัวเพิ่มขึ้น เฉลี่ยถึง 10.3% (1 สัปดาห์ให้หลัง ธ.ค. 2549 เพิ่มขึ้ย 10.7%, ต้นต.ค. 2551 เพิ่มขึ้น 4.3% , ปลาย ต.ค. 2551 เพิ่มขึ้น 15.9%) ดังตารางด้านล่าง


หากพิจารณาลงลึกในแต่ละอุตสาหกรรมจะพบว่าในช่วง 1 สัปดาห์หลังการเกิด Circuit Breaker นั้น  กลุ่มที่สามารถสร้างผลตอบแทนชนะตลาดฯ คือ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ ,สื่อสาร ,สื่อและสิ่งพิมพ์ และ พลังงาน ที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้กว่า 13.5% 13.2% 12.5% 12.3% ตามลำดับ

โดยสรุป ตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในช่วงปรับฐาน จากสภาวะแวดล้อมที่ปกคลุมไปด้วยความไม่แน่นอนทั้ง การแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมถึงดอกเบี้ยนโยบายอยู่ในระดับต่ำ ดังนั้น สภาวะดังกล่าว หนุนให้หุ้นปันผลสูงพื้นฐานแกร่ง มีความน่าสนใจมากขึ้น และถือเป็นแหล่งพักเงินที่เหมาะสม

ฝ่ายวิจัย บล.เอเซียพลัส  ได้คัดกรองหุ้นปันผลสูงพื้นฐานแกร่ง ที่ผ่านวิกฤตมาได้ตลอดช่วง 12 ปี ที่ผ่านมา (จ่ายปันผลทุกงวดปี 12 ปี ติดต่อกัน)  Top Picks ในวันนี้เลือก RATCH, INTUCH