ดาวโจนส์เด้งแรงเกือบ 1,300 จุด หวังธนาคารกลางทั่วโลกกระตุ้นเศรษฐกิจ

HoonSmart.com>>ดาวโจนส์ขึ้นแรงภายในวันเดียวมากกว่า 5% สร้างสถิติสูงสุดในรอบเกือบ 11 ปี  ผลทดสอบความน่าจะเป็น เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.50%ในการประชุมปลายเดือน มี.ค.  ลดผลกระทบการระบาดของไวรัสโควิด-19  ราคาน้ำมัน WTI เพิ่มขึ้น 1.99 ดอลลาร์ ปิดที่ 46.75 ดอลลาร์

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดตลาดวันที่ 2 มีนาคม 2563 ที่ 26,703.32 จุด เพิ่มขึ้น 1,293.96 จุด หรือ 5.09% ปรับตัวขึ้นมากสุดภายในวันเดียวในรอบเกือบ 11 ปี จากความคาดหวังว่าธนาคารกลาง (เฟด) และธนาคารกลางทั่วโลกจะผ่อนคลายนโยบายการเงิน เพื่อลดผลกระทบการระบาดของไวรัสโควิด-19 ต่อเศรษฐกิจโลก แม้ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯและจีนไม่สดใส

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,090.23 จุด เพิ่มขึ้น 136.01 จุด, +4.60%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,952.17 จุด เพิ่มขึ้น 384.80 จุด,+4.49%

FedWatch เครื่องมือของ CME วัดความน่าจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดบ่งชี้มีความเป็นไปได้ 100% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมปลายเดือนมีนาคมนี้ และมีความเป็นได้ 70% ที่จะลดดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนเมษายน

สำนักงานสถิติของจีนเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อเดือนกุมภาพันธ์ลดลงมาที่ 35.7 ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ จาก 50.0 ในเดือนก่อน และต่ำกว่า 46.0 ที่นักวิเคราะห์คาด ด้านไอเอชมาร์กิตเผยดัชนี PMIลดลงมาที่ 40.3 ต่ำกว่า 45.7 ที่นักวิเคราะห์คาดและต่ำกว่า 51.1 เดือนก่อน

สถาบันจัดการด้านอุปทานของ (ISM) เผยดัชนีภาคการผลิต สหรัฐฯเดือนกุมภาพันธ์ลดลงมาที่ระดับ 50.1 ต่ำสุดตั้งแต่ปลายปี 2019 ลดลงจาก 50.9 ในเดือนก่อนต่ำกว่า 50.8 ที่นักวิเคราะห์คาด ขณะที่กระทรวงพาณิชย์เผย การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนมกราคมเพิ่มขึ้นขึ้น 1.8% จาก 0.2% ในเดือนธันวาคม

นักลงทุนเกาะติดสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ว่าจะกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานและผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียนนานแค่ไหน

องค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ หรือ โออีซีดี ประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่ 2.4% ในกรณีที่ดีที่สุด จาก 2.9% ที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนการระบาดของไวรัส และเตือนให้รัฐบาลแต่ละประเทศดำเนินการอย่างรวดเร็วและแรงเพื่อกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก

รัฐมนตรีคลังกลุ่มประเทศ G-7 จะประชุมวันอังคารนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับแนวทางการสกัดการระบาดของไวรัส ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่าต้องใช้นโยบายการเงินและนโยบายการคลังร่วมกัน

หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริกเพิ่มขึ้น 3.03% หลังจากนักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกนปรับเพิ่มน้ำหนักคำแนะนำเป็น overweight จาก neutral

หุ้น กิลเลียด ซายนส์ ผู้ผลิตยาต้านเอดส์รายใหญ่ของโลกเพิ่มขึ้น 8.71% หลังประกาศแผนเข้าซื้อกิจการของ ฟอร์ตี้เซเว่น อิ้งค์(Forty Seven Inc) ผู้ผลิตยารักษาโรคมะเร็ง หุ้นฟอร์ตี้เซเว่น อิ้งค์เพิ่มขึ้น 61.91%

หุ้นเทสลาเพิ่มขึ้น 11.32%

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเล็กน้อย นักลงทุนคาดหวังว่า ธนาคารกลางทั่วโลกจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อลดผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจจากการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธ์ใหม่

ตลาดได้รับแรงหนุนจากความเห็นของนายฮารุฮิโต คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น(BOJ) ที่ว่า BOJ จะพยายามทุกวิถีทางที่จะรักษาเสถียรภาพตลาดการเงิน รวมทั้งการจัดหาสภาพคล่องอย่างเพียงพอ ด้วยการดำเนินการผ่านตลาดการเงินและการซื้อสินทรัพย์

นางคริสตีน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางสหภาพยุโรป( ECB) ออกแถลงการณ์หลังตลาดปิดว่า อีซีบีได้เกาะติดสถานการณ์การระบาดของไวรัสและเตรียมพร้อมที่จะดำเนินมาตรการที่เหมาะสมหากจำเป็น

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,654.89 จุด เพิ่มขึ้น 74.28 จุด, +1.13

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 375.97 จุด เพิ่มขึ้น 0.32 จุด,+0.09%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,333.52 จุด เพิ่มขึ้น 23.62 จุด,+0.44%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,857.87 จุด ลดลง 32.48 จุด, -0.27%

ธนาคารพาณิชย์ในอิตาลีเริ่มส่งสัญญาณลดดอกเบี้ย ส่งผลให้หุ้นบังโก บีพีเอ็มลดลง 6% หุ้นอูบี บังกาลดลง 5% หุ้นยูนิเครดิตลดลง 4%

หุ้นไอเอจี บริษัทแม่ของบริติชแอร์เวย์ลดลง และหุ้นแอร์ฟรานซ์เคแอลเอ็มลดลง 8%หุ้นลุฟท์ฮันซ่าลดลง 6.5%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนเมษายนเพิ่มขึ้น 1.99 ดอลลาร์ ปิดที่ 46.75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนเมษายนเพิ่มขึ้น 2.23 ดอลลาร์ ปิดที่ 51.90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล