MFC : “U.S. Inflation Hit 31-Year High in October”
Highlighted Funds MGF : เรามองว่าหุ้นเติบ […]
Highlighted Funds MGF : เรามองว่าหุ้นเติบ […]
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดัชนี S&P500 ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกัน ถือเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องยาวนานที่สุดนับตั้งแต่เดือน ส.ค. 2563 โดยตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นท่ามกลางผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ ที่ส่วนใหญ่ประกาศออกมาดีกว่าคาด
ตลาดรอผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ ในคืนวันที่ 3 พ.ย. โดยตลาดคาดว่าเฟดจะประกาศลดวงเงินการอัดฉีดสภาพคล่ิอง (QE Tapering) เดือนละ 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเริ่มเดือน ธ.ค. 2564 ไปจนถึงเดือน ก.ค. 2565 และตามมาด้วยการขึ้นดอกเบี้ยอย่างน้อย 1 ครั้งในปี 2565 อย่างไรก็ตาม เรามองว่าตลาดรับรู้ประเด็นการลดวงเงิน QE ไปมากแล้ว หลังจากนี้ตลาดน่าจะให้น้ำหนักไปที่มุมมองเงินเฟ้อและการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดมากกว่า
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดัชนี S&P 500 ปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกันจนดัชนีทำจุดสูงใหม่ โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากตัวเลขผลประกอบการไตรมาส 3 ที่ประกาศออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาด
HoonSmart.com>> ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ลงทุนทิสโก้ ชี้โอกาสที่เศรษฐกิจโลกจะเผชิญภาวะ ‘Stagflation’ เงินเฟ้อสูงเศรษฐกิจชะลอ เป็นไปได้น้อย คาดเศรษฐกิจโลกยังโตต่อ และเงินเฟ้อพุ่งแค่ชั่วคราวจากแรงหนุนเปิดเมือง แต่ยังแนะนำให้จับตา เพราะหากเกิดขึ้นจริงหุ้นสหรัฐฯ และทั่วโลกอาจร่วง 30%
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรปมีสัญญาณฟื้นตัวจากการปรับฐานในช่วงก่อนหน้านี้ โดยได้แรงหนุนจากผลประกอบการไตรมาส 3 ของกลุ่มการเงินและกลุ่มธนาคารที่ประกาศผลประกอบการออกมาดีกว่าคาด นักวิเคราะห์คาดการณ์ผลประกอบการไตรมาส 3 ของบริษัทจดทะเบียนในดัชนี S&P500 โต 27.5%YoY ขณะที่ดัชนี STOXX600 ของยุโรปคาดโต 46.7%YoY
เรายังคงมีมุมมองบวกกับการลงทุนในตลาดหุ้นในระยะ 12 เดือนข้างหน้า เรามองว่ากำไรของตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วจะยังมีการเติบโตที่ดีอยู่ในปีนี้ และการที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรปปรับฐานลงมาราว -5% ถึง -8% จะเป็นการเพิ่ม Upside ให้กับตลาดหุ้น ทำให้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น